บลจ.กสิกรไทยจ่ายปันผลกองบอนด์ABFTH มูลค่ารวมกว่า 104 ล้านบาท ระบุอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาปรับลดลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กองทุนยังสามารถทำผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี
นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ (ABFTH) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2556 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 โดยจ่ายเงินปันผลในอัตรา 20 บาทต่อหน่วย มูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวม 104.11 ล้านบาท โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนเวลา 08.00 น. ของวันที่ 2 มิถุนายน 2557 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 มิถุนายน 2557
สำหรับกองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ (ABFTH) เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นภายใต้โครงการกองทุนพันธบัตรเอเชียระยะที่ 2 หรือ Asian Bond Fund 2-ABF2 ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของธนาคารกลางชาติต่างๆ ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจำนวน 11 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย เพื่อให้เกิดการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักลงทุนตลอดทั้งผู้ออกตราสารในตลาดตราสารหนี้ของประเทศสมาชิก และนับเป็นกองทุน ETF กองทุนแรกของไทยที่มีการลงทุนโดยอ้างอิงกับดัชนีตราสารหนี้ภาครัฐ โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลไทย หรือออกโดยภาครัฐที่มีรัฐบาลไทยเป็นผู้ค้ำประกัน หรือได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือไม่ต่ำกว่าระดับ Investment Grade จากสถาบันจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ
สำหรับการจ่ายปันผลของกองทุน ABFTH ในครั้งนี้มีมูลค่ารวมถึง 104.11 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถรักษามาตรฐานในการบริหารกองทุนให้มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ดีใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง และมีการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอมาตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนจะมีความผันผวนอยู่ตลอดก็ตาม
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่ผ่านมา ด้านสถานการณ์การลงทุนยังคงได้รับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งจากการเผชิญกับแรงกดดันของสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่เริ่มชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2556 จากความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างต่อเนื่องจากระดับ 2.50% มาอยู่ที่ 2.25% เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา และปรับลดอีกครั้งในช่วงเดือนมีนาคม 2557 จากระดับ 2.25% ลงมาอยู่ที่ 2.00% เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ยังเผชิญกับปัจจัยภายนอกประเทศ ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับกรณีธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณ (QE) ส่งผลทำให้เกิดความผันผวนต่อตลาดโลก เช่น ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ และการอ่อนค่าของเงินในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรและความผันผวนในตลาดตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยจุดเด่นของกองทุนที่มุ่งเน้นลงทุนในพันธบัตรที่มีความมั่นคงสูง และมีผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ทำให้มีผลการดำเนินงานในระดับที่น่าพอใจ จึงส่งผลให้กองทุนสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2549 กองทุน ABFTH มีการจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 17 ครั้ง รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 335.36 บาทต่อหน่วย
