xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรไทยจ่ายปันผล 3 กองต่างประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยเตรียมจ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศ 3 กอง รวมกว่า 400 ล้านบาท พร้อมแนะกระจายลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลก

นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยมีกำหนดที่จะจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมต่างประเทศ 3 กองทุน มูลค่าการจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้น 441.06 ล้านบาท ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2556-31 พฤษภาคม 2557 โดยจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวม 396.41 ล้านบาท ทั้งนี้ในรอบผลการดำเนินงานดังกล่าว กองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้วจำนวน 3 ครั้ง รวมทั้งสิ้นในอัตรา 0.70 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยประมาณ 5.74% ต่อปี ด้านกองทุนเปิดเค โกลบอล อิควิตี้ (K-GLOBE) จะจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2556-31 พฤษภาคม 2557 ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวม 30.56 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในรอบผลการดำเนินงานดังกล่าว กองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้วจำนวน 2 ครั้ง รวมทั้งสิ้นในอัตรา 0.69 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลเฉลี่ยประมาณ 9.09% ต่อปี และสำหรับกองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100 (K-USXNDQ) ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2557-31 พฤษภาคม 2557 ในอัตรา 0.75 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่าการจ่ายเงินปันผลรวม 14.09 ล้านบาท โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียนเวลา 08.00 น. ของวันที่ 2 มิถุนายน 2557 และมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 13 มิถุนายน 2557

สำหรับมุมมองการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ นายนาวินกล่าวว่า ยังถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการกระจายสินทรัพย์ไปลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุน K-GA ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกองทุนต่างประเทศที่ บลจ.กสิกรไทยแนะนำนักลงทุน เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในภาพรวมที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น เช่น สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมาอาจมีปัจจัยที่กดดันการลงทุนบ้าง เช่น กรณีการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อประเทศรัสเซีย การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งนี้ด้วยจุดเด่นของกองทุน K-GA ที่มีพอร์ตการลงทุนแบบผสม โดยกระจายการลงทุนไปในหุ้นและตราสารหนี้ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก พร้อมการปรับสัดส่วนการลงทุนอย่างเหมาะสมในแต่ละสภาวะตลาด จึงสามารถช่วยลดความผันผวนในการลงทุนได้เป็นอย่างดี เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะยาวและรับความผันผวนได้ปานกลาง

โดยในช่วงสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา กองทุนได้ปรับลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ 58% จาก 61% เช่นเดียวกับลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้เหลือ 18% จาก 20% (เทียบจากเกณฑ์มาตรฐาน 60% และ 40%) ทำให้มีสัดส่วนของเงินสดเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 23% (เทียบจากเกณฑ์มาตรฐาน 0%) เนื่องจากเป็นช่วงที่เกิดความผันผวนในตลาดการเงินทั้งหุ้นและตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกองทุนมีการปรับสัดส่วนที่สอดคล้องและรับกับสภาวะตลาดได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมากองทุนจึงสามารถสร้างผลการดำเนินงานเป็นบวกได้กว่า 11% ขณะที่ความผันผวนโดยรวมต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น ทั้งนี้ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมากองทุนมีความผันผวนเฉลี่ยเพียง 7% ขณะที่หุ้นไทยผันผวนประมาณ 18% และหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนประมาณ 10%

ด้านมุมมองการลงทุนและสถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐฯ นายนาวินกล่าวว่า ระดับดัชนี Nasdaq ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นมามากตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำต่อไป แต่ก็ได้ทยอยลดวงเงินในมาตรการ QE ลงต่อเนื่องอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าโครงการจะสิ้นสุดในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้ความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้อยังไม่มีสัญญาณ และยังคงเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2% ตามเดิม แต่ต้องคอยจับตาดูทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ซึ่งจะกระทบต่อทิศทางการลงทุนของโลกในภาพรวมและอาจทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการปรับฐานลงมาได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า บลจ.กสิกรไทยจะมีมุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่เนื่องจากระดับราคาที่ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว ดังนั้นนักลงทุนอาจทยอยรับรู้ทำกำไรออกมาบางส่วน และหาจังหวะในการเข้าซื้ออีกครั้งเมื่อดัชนีปรับฐานลงมาแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น