บลจ.ออกองทุนบอนด์ ชูผลตอบแทนสูง ชวนลงทุนกระจายความเสี่ยงช่วงดอกเบี้ยทรงตัว
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายสำหรับการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 18 มิ.ย. 57 ไว้ที่ 2.00% ตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจาก กนง.น่าจะพิจารณาถึงแรงกดดันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เร่งสูงขึ้นและปัญหาหนี้ครัวเรือนควบคู่กันไป รวมทั้งคงรอดูผลการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งก่อนหน้าด้วย โดย กนง.อาจพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงต้นปีหน้าอีกครั้งหากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งสูงขึ้น ซึ่งจะสอดคล้องกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งแรกของปี 2558” นายวินกล่าวเสริม
ดังนั้น ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยทรงตัว บลจ.วรรณจึงเสนอทางเลือกสำหรับผู้ที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่กระจายการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี โดยผู้ออกตราสารทั้งที่ได้รับการจัดและไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป โดยจะเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ เอ็นแฮนท์ ไฟแนนเชียล (1ENHANCED6M1) ครั้งแรก (IPO) ในระหว่างวันที่ 4-11 มิ.ย. 57 ซึ่งกองทุนฯ นี้จะลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Investment Grade) / ตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ (Non-Investment Grade) และตราสารหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities)
โดยมีผลตอบแทนที่คาดหวังหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วอยู่ที่ประมาณ 3.20% ต่อปี และมีตราสารที่คาดว่าจะลงทุนในรอบการลงทุนครั้งนี้ ได้แก่ เงินฝาก Bank of China สัดส่วนประมาณ 14.00% ของพอร์ตการลงทุน / เงินฝาก China Construction Bank สัดส่วนประมาณ 14.00% ของพอร์ตการลงทุน / ตั๋วแลกเงินบริษัท คิงพาวเวอร์ดิวตี้ฟรี จำกัด บริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้น จำกัด (มหาชน) บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด รวมกันสัดส่วนประมาณ 72% ของพอร์ตการลงทุน
ทั้งนี้ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและมีโอกาส ฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะถัดจากนี้ โดยจะเห็นจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยในเดือน เม.ย. 57 ที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย เริ่มสะท้อนภาพหดตัวลดลงเมื่อเทียบกับในช่วงที่ผ่านมา ทั้งในส่วนของการบริโภคภาคเอกชนและการส่งออก ซึ่งบ่งชี้ถึงโมเมนตัมทางเศรษฐกิจไทยที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งแรงหนุนจากแนวทางการบริหารจัดการของรัฐบาลเฉพาะกิจชุดนี้ที่ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่น่าจะมีการดำเนินแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจตามโรดแมปที่วางไว้ได้บางส่วน ก็น่าจะช่วยดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาได้
ขณะที่ในด้านการจัดการเลือกตั้ง คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วงต้นปีหน้าเป็นอย่างเร็วหรือกลางปีหน้าเป็นอย่างช้า และภาวะเศรษฐกิจมีโอกาสกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ขณะเดียวกัน ประเด็นด้านการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของไทยสำหรับสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือคงมีโอกาสเป็นไปได้ไม่มากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่ง และปัจจัยด้านการเมืองเป็นเพียงปัจจัยกดดันระยะสั้นและไม่ได้คลาดเคลื่อนไปจากที่ตลาดคาดการณ์มากนัก
ด้าน บลจ.ธนชาต จำกัด เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ที่ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาต Fixed Income 6M63 (TFI6M63) อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณ 2.70% เริ่มเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 4-10 มิถุนายน 2557 ลงทุนเงินฝาก Bank of China / China Construction Bank (Asia) สัดส่วน 20.00% เงินฝาก PT Bank CIMB Niaka Tbk (Indonesia) / PT Bank International Indonesia Tbk สัดส่วน 20.00% ตราสารหนี้ที่ออกโดย ธ.ทิสโก้ / บมจ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส สัดส่วน 20.00% หุ้นกู้ระยะสั้นของ บจ.โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) / บจ. ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) สัดส่วน 20.00% ตั๋วแลกเงินของ บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง / หุ้นกู้ระยะสั้นของ บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง สัดส่วน 20.00% โดยประมาณค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 0.1100%