มั่นใจหุ้นไทยยังมีเสน่ห์ ชี้กำไร บจ.โตแม้การเมืองยืด

บลจ.ธนชาตประเมินสถานการณ์การเมืองยังยืดเยื้อส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย มองการลงทุนในหุ้นไทยยังให้ผลตอบแทนที่ดีแต่ต้องอดทนและรับความผันผวนที่เกิดขึ้นได้ คาด Earnings Growth เฉลี่ยอยู่ที่ 7-8%

นายตระกูลจิตร จิตตไสยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองไทยที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ในฐานะนักลงทุนสถาบันเราก็ยังมองเหมือนนักลงทุนส่วนใหญ่ทั่วไปที่ยังไม่เห็นทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้น

โดยก่อนหน้านี้นักลงทุนส่วนใหญ่รับรู้และเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และมีการประเมินกันว่าครึ่งปีหลังเศรษฐกิจจะดีขึ้นเพราะมีรัฐบาลเข้ามา ปัจจุบันเราก็ประเมินสถานการณ์ว่าเหตุการณ์น่าจะยืดเยื้อและนักลงทุนก็อาจจะมองเช่นนั้นเหมือนกัน ส่งผลให้ภาพรวมในตลาดหุ้นที่หลายคนมองว่าจะปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะลากยาวต่อไปอีก

ทั้งนี้ เราประเมินว่าปัญหาการเมืองน่าจะจบลงได้ในปีนี้ แต่ก็ต้องดูว่ารัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศนั้นจะเป็นแบบไหน มีอำนาจในการบริหารประเทศในลักษณะใดนั้นเราอาจจะประเมินไม่ได้ ทั้งนี้เราต้องยอมรับว่าการเมืองไทยนั้นส่งผลกระทบไปทุกภาคส่วน สิ่งที่น่าเสียดายคือนักลงทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะไปลงทุนกับประเทศที่ใกล้เคียงกับไทยมากกว่าที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศเรา

อย่างไรก็ตาม หากมองลึกและมองในระยะยาวศักยภาพของเศรษฐกิจยังมีอยู่ เนื่องจากยังมีธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมือง รวมถึงบริษัทที่ยังทำธุรกิจได้อยู่แม้จะไม่ได้ดีมากในช่วงระยะนี้ โดยการลงทุนในปัจจุบันนักลงทุนอาจจะต้องมีการคัดเลือกหุ้นที่เหมาะกับความเสี่ยงและสภาพการลงทุนของตนเอง แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจใหญ่จะดูอึมครึมไม่สดใส แต่ในตลาดหุ้นไทยยังมีบริษัทจดทะเบียนที่ยังดำเนินธุรกิจได้และมีกำไรรวมถึงปันผลได้ดีพอสมควร

“การลงทุนในหุ้นถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงนี้ที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมาก แต่นักลงทุนต้องยอมรับความผัวผวนที่เกิดขึ้นได้ เพราะว่าโลกของการลงทุนมักมีความไม่แน่นอน” นายตระกูลจิตรกล่าว

นายตระกูลจิตรกล่าวต่อว่า เราได้ประมาณการผลตอบแทนของหุ้นที่เราได้เลือกลงทุนส่วนใหญ่จะมีอัตราการเติบโตของกำไรหรือ Earnings Growth อยู่ที่ 7-8% อาจจะต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้เล็กน้อยเนื่องจากเรายังมองเห็นปัจจัยลบภายในประเทศอยู่ ส่วน P/E ตอนนี้ยังลงทุนได้อยู่แต่ Upside อาจจะไม่ได้มาก รวมถึงอาจจะไม่ได้ผลตอบแทนเกิน 10% อย่างที่ผ่านมา สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในกองทุนหุ้นของ บลจ.ธนชาตนั้นก็มีการปรับอยู่ตลอดใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นมากกว่าที่จะใช้การคาดคะเนดัชนี ในส่วนของครึ่งปีหลังนั้นเรายังคงเน้นการคัดสรรหุ้นเช่นเดิม โดยเลือกบริษัทจดทะเบียนที่มีการไหลเวียนของกระแสเงินสด มีการปันผลที่ดี ไม่เน้นการเติบโตมาก เน้นบริษัทที่แข็งแรงและอยู่ได้ เป็นต้น

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศนั้นหากเราดูพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่กระจายการลงทุนไปทั่วโลก เราจะพบว่าการลงทุนนั้นยังอยู่ในตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยุโรป เป็นหลัก อาจจะมีเอเชีย และญี่ปุ่นบ้างประปราย แต่ช่วงระยะหลังมานักลงทุนทั่วโลกเริ่มเพิ่มการลงทุนในยุโรปมากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา และเอเชีย ยังอยู่ในช่วงทรงๆ และมีแรงกดดันอยู่บ้าง