SCBLIFE โชว์ผลงานไตรมาสแรกทำกำไรสุทธิกว่า 1.4 พันล้านบาท กวาดเบี้ยรับรวม 1.2 หมื่นล้านบาทหรือเติบโตขึ้น 9% ระบุธุรกิจประกันชีวิตยังเติบโตฝ่ากระแสเศรษฐกิจชะลอตัวได้ โดยเฉพาะประกันแบบสะสมทรัพย์ทั้งระยะสั้น และระยะยาว
นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCBLIFE เปิดเผยว่า “ไตรมาสแรกปีนี้บริษัทสามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมาย โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 1,469 ล้านบาท เปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 265 ล้านบาท หรือเติบโต 22% ซึ่งเป็นความสามารถในการทำกำไรพันล้านต่อไตรมาสได้อย่างต่อเนื่อง ด้านกำไรสุทธิต่อหุ้นขยับเป็น 22.09 บาท เพิ่มขึ้นจาก 18.10 บาทของงวดเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้ ฐานะการเงินหลักในไตรมาสแรกก็เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 13,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งทำได้ 12,113 ล้านบาท มาจากรายได้เบี้ยประกันชีวิตสุทธิ 11,880 ล้านบาท เติบโต 9% จากในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 10,888 ล้านบาท รายได้จากการลงทุนสุทธิ 1,505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,217 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ อีก 5.9 ล้านบาท
ผลประกอบการดังกล่าวส่งผลให้ฐานะการเงินของไทยพาณิชย์ประกันชีวิตมั่นคงยิ่งขึ้น โดยสินทรัพย์รวมขยับเป็น 150,471 ล้านบาท เพิ่มจาก 140,587 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 มีสินทรัพย์ลงทุนทั้งสิ้น 147,778 ล้านบาท คิดเป็น 99% ของสินทรัพย์รวม เงินสำรองประกันชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 131,472 ล้านบาท จาก 124,535 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2556 มีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องสำรองตามกฎหมายถึง 282.39% ซึ่งสูงเกินกว่ากฎเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้ที่ 140%
นายวิพลกล่าวต่อว่า “แม้สภาพเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะมีแนวโน้มชะลอตัวสะท้อนได้จากการปรับลดอัตราการเติบโตของจีดีพีลงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลพวงจากปัญหาและความไม่เสถียรภาพทางการเมืองที่ยืดเยื้อมานาน แต่ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาถือได้ว่า SCBLIFE ยังสามารถรักษาผลงานคุณภาพได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเกิดจากยอดขายที่ยังมีการเติบโตตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา โดยยอดขายใหม่ส่วนใหญ่เติบโตจากสินค้าประเภทสะสมทรัพย์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวจากการโหมรุกตลาดในทุกช่องทางการขาย รวมทั้งได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าหลักของแต่ละช่องทาง เพื่อให้เข้าถึงและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้กว้างยิ่งขึ้น เช่น ประกันเลือกได้ออมตามใจ 10/3 จำหน่ายผ่านช่องทางธนาคารไทยพาณิชย์ แบบประกันพรีเมียร์ ไลฟ์ 80/10, 80/15 จำหน่ายผ่านช่องทางตัวแทน นอกจากนี้ยังได้ปรับลดทุนประกันสำหรับแบบประกันออมคุ้มค่า 15/6 ที่จำหน่ายผ่านช่องทางธนาคารไทยพาณิชย์ให้เริ่มต้นที่ 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจที่ตึงตัว และช่วยฝ่ายขายให้สามารถขยายฐานลูกค้าสู่ตลาดระดับกลางและล่างได้อีกทาง ประกอบกับนโยบายด้านการบริหารพอร์ตการลงทุนที่รอบคอบ และความสามารถในการบริหาร และควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างรัดกุม ส่งผลให้รายได้และกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้นและมีประสิทธิภาพ”
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัท ณ เดือนเมษายน 2557 SCBLIFE มีเบี้ยรับรวม 16,084 ล้านบาท เติบโต 15% มีเบี้ยธุรกิจใหม่จากทุกช่องทางการขายรวมกันทั้งสิ้น 6,287 ล้านบาท เติบโต 19% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ยังคงเป็นช่องทางขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีเบี้ยใหม่ 5,807 ล้านบาท เติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับการเติบโตของช่องทางตัวแทนที่มีแนวโน้มเป็นบวกอย่างต่อเนื่องจากการปรับกลยุทธ์ด้านคุณภาพตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สามารถสร้างการเติบโตสูงขึ้นตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา โดยมีเบี้ยใหม่ 318 ล้านบาท เติบโตขึ้น 29% ส่วนช่องทางการประกันชีวิตธุรกิจเฉพาะมีเบี้ยใหม่ 161 ล้านบาท
ด้านผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมายังคงสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยรับรวมเพิ่มเป็น 12,250 ล้านบาท เติบโต 9% เป็นอันดับ 5 ในธุรกิจ ครองส่วนแบ่งตลาด 9.1% มีเบี้ยธุรกิจใหม่จากทุกช่องทางการขายรวมกันทั้งสิ้น 4,444 ล้านบาท เติบโต 7% เป็นอันดับ 4 ในธุรกิจ ครองส่วนแบ่งตลาด 8.8% และมีเบี้ยรับปีต่อไป 7,806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% ครองส่วนแบ่งตลาดในส่วนนี้อยู่ที่ 9.23%
นายวิพลกล่าวปิดท้ายว่า “SCBLIFE ยังรุกขับเคลื่อนธุรกิจในปีนี้ตาม 3 กลยุทธ์หลักที่วางไว้ คือ ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) บริหารการขายแบบหลากหลายช่องทางการจัดจำหน่าย (Multi Distribution Channels) และเพิ่มประสิทธิภาพระบบปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศ (Seamless Operations) รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต รวมทั้งมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด เชื่อมั่นว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสที่สองยังคงขยายตัวในทิศทางที่ดีเช่นกัน”