xs
xsm
sm
md
lg

“สมิทธ์” เน้นสร้างยิลด์กองทุน เชื่อ SCBAM โตทะลุล้านล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สมิทธ์ พนมยงค์” ลั่น AUM ทะลุ 1 ล้านล้านในปีนี้ เน้นเดินหน้าสร้างผลตอบแทนกองทุนเป็นหลัก แนะจัดพอร์ตกระจายลงทุนในต่างประเทศ ชี้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลดลงแต่ยังไม่วิกฤตแม้เจอการเมืองกดดัน

นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานภายหลังเข้ามาบริหารงานใน บลจ.ไทยพาณิชย์ว่า บริษัทฯ มีนโยบายที่จะให้ความสำคัญต่อการสร้างผลการดำเนินงานของกองทุนให้ดียิ่งขึ้นเป็นอันดับแรก โดยมีเป้าหมายให้ บลจ.ไทยพาณิชย์เป็นที่ 1 ในใจลูกค้า โดยในปีนี้จะเน้นให้ความสำคัญเรื่องของผลการดำเนินงานของกองทุนรวมเป็นสำคัญ เพราะมีผลิตภัณฑ์ที่ครบถ้วนหลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าหมดเแล้ว ขณะเดียวกันจะเน้นให้ความรู้แก่นักลงทุนเป็นสำคัญเพื่อให้ทราบว่า บลจ.ไทยพาณิชย์มีกองทุนที่ดีอยู่

โดย บลจ.ไทยพาณิชย์มีการวางรากฐานระบบงานภายในที่แข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังให้ความสำคัญต่อการออกผลิตภัณฑ์กองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศที่หลากหลายครบถ้วน ดังนั้นจึงมีความตั้งใจในการสานต่อนโยบายเดิมให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อลูกค้าที่ต้องการลงทุนเพื่อได้รับผลตอบแทนในระดับที่ดี ซึ่งปัจจุบันกองทุนของ บลจ.ไทยพาณิชย์มีความโดดเด่นและสร้างผลการดำเนินงานที่ดีเป็นที่พึงพอใจของลูกค้าหลายกองทุน โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันซึ่งมักจะพิจารณาผลตอบแทนควบคู่ กับระดับความเสี่ยง ดังนั้นบริษัทฯ จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปสู่กลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ควบคู่กับการให้ความรู้ด้านการจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation) และทิศทางการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลต่อการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

“ดังนั้นในปีนี้เราจึงเน้นในเรี่องของผลการดำเนินงานของกองทุนเป็นหลัก นอกเหนือจากการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการที่จะไปถึง 1 ล้านล้านบาทในปีนี้ รวมไปถึงการเข้าถึงลูกค้ารายย่อยมากขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนเป็นหลัก”

สำหรับภาพการลงทุนในช่วงนี้ แนะนำให้นักลงทุนออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เพราะมองว่าการลงทุนในประเทศยังมีความผันผวนจากปัจจัยด้านการเมือง ซึ่งตลาดต่างประเทศที่น่าสนใจยังเป็นตลาดหุ้นยุโรปที่มีการฟื้นตัวและให้ผลตอบแทนที่ดี รวมไปถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ส่วนเศรษฐกิจไทยนั้นปัจจุบันแม้ว่าจะมีปัจจัยด้านการเมืองกดดันแต่ยังไม่ถึงกับวิกฤต เพียงแต่ทำให้การเติบโตช้าลง และส่งผลให้การลงทุนไม่เติบโตขึ้นมากนัก ดังนั้นการลงทุนในช่วงนี้จึงต้องเลือกสินทรัพย์ที่ดี และเลือกจังหวะการลงทุนเป็นสำคัญ แต่การลงทุนในช่วงนี้ก็ยังคงมีความผันผวน ซึ่งมองว่าตลาดหุ้นไทยในปีนี้ยังวิ่งอยู่ที่ระดับ 1,200 ปลายๆ-1,400 จุด

นายสมิทธ์ ยังกล่าวว่า ในปีนี้ถือเป็นอีกปีแห่งความท้าทายของธุรกิจจัดการลงทุน ถึงแม้ธนาคารจะไม่แข่งขันระดมเงินฝาก แต่จากการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นของธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความผันผวนสูงจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ บริษัทฯ ไม่ได้โฟกัสว่าจะต้องก้าวสู่การเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจจัดการลงทุน แต่มองว่าสิ่งสำคัญคือจะต้องรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ให้ได้ในทุกธุรกิจ ทั้งกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่บริษัทเป็นผู้นำอยู่ โดยมีเป้าหมายผลักดันให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารงานเติบโตสูงถึงระดับ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารงาน 936,237 ล้านบาท (ณ วันที่ 25 เม.ย. 2557) จึงมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันใกล้

นอกจากนี้ ในปัจจุบัน บลจ.ไทยพาณิชย์ประสบความสำเร็จสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในหลายธุรกิจ คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการมูลค่าทางตลาด (market capitalization) อยู่ที่ประมาณ 106,230 ล้านบาท และธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลมีมูลค่าสินทรัพย์ที่ 102,582 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 21% ส่วนธุรกิจกองทุนรวมมีทรัพย์สินสุทธิ 733,146 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด 21.6% และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีมูลค่าสินทรัพย์ที่ 100,508 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 13% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 2557)

ทั้งนี้ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาตนได้ร่วมงานกับ บลจ.ไทยพาณิชย์ในฐานะคณะกรรมการบริษัท โดยได้เข้ามาดูแลใกล้ชิด ในส่วนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การเข้ามาสานต่อด้านการบริหารงานจะเป็นการ ทำงานเชิงรุกไปพร้อมๆ กับทีมงานที่มีความรู้ความสามารถในลักษณะทีมเวิร์ก โดยจะนำประสบการณ์การทำงานในแวดวงการเงินและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศมา 20 ปีมาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมั่นใจว่าจะสามารถบริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย


กำลังโหลดความคิดเห็น