ASTVผู้จัดการรายวัน - “ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์” ชี้ปีนี้สเปรดพีวีซีแย่กว่าปีที่แล้ว คาดอยู่ที่ 370 เหรียญสหรัฐ/ตัน แถมเจอปัญหาการเมืองฉุดภาคก่อสร้างหดตัว และตลาดภายในแข่งขันที่รุนแรง เบนเข็มเพิ่มส่งออก แย้มสนใจลงทุนโรงท่อพีวีซีที่อินโดนีเซียและซื้อหุ้นเพิ่มในบริษัทท่อที่เวียดนาม รองรับความต้องการใช้ที่โตต่อเนื่อง
นายสุชัย อัศวถาวรวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)(TPC) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธุรกิจพีวีซียังอยู่ในช่วงวัฎจักรขาลงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบทั้งเอทิลีน และอีดีซีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พีวีซีกับวัตถุดิบ (สเปรด)แคบลง โดยปีนี้คาดว่าสเปรดพีวีซีเฉลี่ยที่ 370 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ย 390 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคาพีวีซีปีนี้ประมาณ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน
นอกจากนี้ การแข่งขันตลาดพีวีซีในประเทศน่าจะรุนแรงมากขึ้นจากกำลังการผลิตส่วนเกินของจีน รวมทั้งความต้องการใช้พีวีซีที่ลดลงจากผลกระทบปัญหาการเมืองในประเทศทำให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ลามไปยังภาคการก่อสร้าง ดังนั้น บริษัทฯจึงหันมาเพิ่มสัดส่วนการส่งออกพีวีซีมากขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายส่งออก 45%ของกำลังการผลิตรวม 5.5 แสนตัน จากปีก่อนที่ส่งออก 40%ของกำลังการผลิต
รวมทั้งได้ร่วมมือกับบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น (HVA)อย่างต่อเนื่อง และร่วมกับคู่ค้าในด้านการผลิตและการตลาดเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า ซึ่งปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะผลิตสินค้าHVA เพิ่มมากขึ้นคิดเป็น 40%ของยอดขาย จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 30 %
“ในปีนี้สถานการณ์พีวีซีจะแย่กว่าปีที่แล้ว โดยสเปรดพีวีซีจะต่ำกว่าปีก่อน ไม่ถึง 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากปีนี้ยังอยู่ในช่วงขาลงอยู่ ส่วนตลาดในประเทศเองก็ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองส่งผลต่อธุรกิจภาคก่อสร้าง ”
แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายที่จะลงทุนธุรกิจท่อพีวีซีในประเทศอาเซียน เพื่อรองรับความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด สนใจลงทุนท่อพีวีซีในอินโดนีเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับพันธมิตรที่มีฐานการผลิตท่อพลาสติกอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังพิจารณาที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทท่อพีวีซีที่เวียดนามทั้ง 2 บริษัทฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมด้านราคาหุ้น คาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะมีความชัดเจนในปีนี้
ปัจจุบันบริษัทฯมีโรงงานผลิตท่อพีวีซีที่กัมพูชา ลาว ส่วนเวียดนามเป็นการเข้าไปร่วมถือหุ้นของบริษัทลูก คือ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม (สระบุรี) ที่เข้าไปถือหุ้น ในบริษัทผลิตท่อพีวีซีจำนวน 2 บริษัทฯ คือบริษัท Tien Phong Plastic Joint Stock (NTP) สัดส่วน 23.84% และBinh Minn Plastic Joint Stock 20.40% นอกจากนี้ บริษัทยังมีฐานการผลิตเม็ดพลาสติกอยู่ที่เวียดนาม และอินโดนีเซีย ด้วยกำลังการผลิต 1.9 แสนตัน/ปีและ 1.2 แสนตัน/ปี ตามลำดับ
ผลการดำเนินงานงวดปี 2556 บริษัทฯมีรายได้รวม 3.30 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8 % และมีกำไรสุทธิ 2.60 พันล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22 %
นายสุชัย อัศวถาวรวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน)(TPC) เปิดเผยว่า ในปีนี้ธุรกิจพีวีซียังอยู่ในช่วงวัฎจักรขาลงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบทั้งเอทิลีน และอีดีซีปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พีวีซีกับวัตถุดิบ (สเปรด)แคบลง โดยปีนี้คาดว่าสเปรดพีวีซีเฉลี่ยที่ 370 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ย 390 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ราคาพีวีซีปีนี้ประมาณ 1,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน
นอกจากนี้ การแข่งขันตลาดพีวีซีในประเทศน่าจะรุนแรงมากขึ้นจากกำลังการผลิตส่วนเกินของจีน รวมทั้งความต้องการใช้พีวีซีที่ลดลงจากผลกระทบปัญหาการเมืองในประเทศทำให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ลามไปยังภาคการก่อสร้าง ดังนั้น บริษัทฯจึงหันมาเพิ่มสัดส่วนการส่งออกพีวีซีมากขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายส่งออก 45%ของกำลังการผลิตรวม 5.5 แสนตัน จากปีก่อนที่ส่งออก 40%ของกำลังการผลิต
รวมทั้งได้ร่วมมือกับบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น (HVA)อย่างต่อเนื่อง และร่วมกับคู่ค้าในด้านการผลิตและการตลาดเพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้า ซึ่งปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะผลิตสินค้าHVA เพิ่มมากขึ้นคิดเป็น 40%ของยอดขาย จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่กว่า 30 %
“ในปีนี้สถานการณ์พีวีซีจะแย่กว่าปีที่แล้ว โดยสเปรดพีวีซีจะต่ำกว่าปีก่อน ไม่ถึง 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากปีนี้ยังอยู่ในช่วงขาลงอยู่ ส่วนตลาดในประเทศเองก็ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองส่งผลต่อธุรกิจภาคก่อสร้าง ”
แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายที่จะลงทุนธุรกิจท่อพีวีซีในประเทศอาเซียน เพื่อรองรับความต้องการใช้ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด สนใจลงทุนท่อพีวีซีในอินโดนีเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาร่วมกับพันธมิตรที่มีฐานการผลิตท่อพลาสติกอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังพิจารณาที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทท่อพีวีซีที่เวียดนามทั้ง 2 บริษัทฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมด้านราคาหุ้น คาดว่าการลงทุนดังกล่าวจะมีความชัดเจนในปีนี้
ปัจจุบันบริษัทฯมีโรงงานผลิตท่อพีวีซีที่กัมพูชา ลาว ส่วนเวียดนามเป็นการเข้าไปร่วมถือหุ้นของบริษัทลูก คือ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม (สระบุรี) ที่เข้าไปถือหุ้น ในบริษัทผลิตท่อพีวีซีจำนวน 2 บริษัทฯ คือบริษัท Tien Phong Plastic Joint Stock (NTP) สัดส่วน 23.84% และBinh Minn Plastic Joint Stock 20.40% นอกจากนี้ บริษัทยังมีฐานการผลิตเม็ดพลาสติกอยู่ที่เวียดนาม และอินโดนีเซีย ด้วยกำลังการผลิต 1.9 แสนตัน/ปีและ 1.2 แสนตัน/ปี ตามลำดับ
ผลการดำเนินงานงวดปี 2556 บริษัทฯมีรายได้รวม 3.30 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8 % และมีกำไรสุทธิ 2.60 พันล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22 %