xs
xsm
sm
md
lg

โกลเด้นแลนด์ แจงขายที่ดิน 6 แปลง มูลค่า 2,400 ล้านนำเงินใช้หนี้-ลงทุนในธุรกิจหลัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนพล ศิริธนชัย
“โกลเด้นแลนด์” แจงขายที่ดินอยู่ในแผนบันไดทอง 3 ขั้น ก้าวขึ้นสู่เป้าหมายสร้างรายได้ 5,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี เล็งตัดขายที่ดิน 6 แปลง มูลค่า 2,400 ล้านบาท ให้ได้ภายในปีนี้ เผยขายไปแล้ว 2 แปลง มูลเกือบ 1,155 ล้านบาท เผยนำเงินใช้หนี้แบงก์-ลงทุนใหม่

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (GOLD) หรือโกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากข้อสงสัยในการขายที่ดินบนถนนรามคำแหง 28 เนื้อที่ 31 ไร่ ไห้แก่ บริษัท สิริทรัพย์พัฒนา ในกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ถือเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันในราคา 980 ล้านบาท เป็นการซื้อขายแบบโปร่งใส และผ่านการอนุมัติของผู้ถือหุ้นแล้ว

ทั้งนี้ การขายที่ดินดังกล่าวถือเป็นแผนการดำเนินงานที่มีอยู่เดิมหลังกลุ่มบริษัทของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เข้ามาถือหุ้นโกลเด้นแลนด์ ในสัดส่วน 58.98% เมื่อปี 2556 ซึ่งบริษัทได้กำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจ “บันไดทอง 3 ขั้น” เพื่อพลิกฟื้นบริษัทจากการขาดทุนสะสม ขึ้นเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ติด 1 ใน 10 ของประเทศไทยให้ได้ภายใน 5 ปี สำหรับบันไดทอง 3 ขั้น ได้แก่ 1. ปี 56 ตรวจสอบ รื้อโครงการการดำเนินงาน และปรับโครงสร้างใหม่เพื่อให้เกิดความโปร่งใส วางระบบแบ็กออฟฟิศ ลงทุนระบบคอมพิวเตอร์เพื่อรองแผนดำเนินธุรกิจในอนาคต

ส่วนปี 57 นี้ถือเป็นปีแห่งการสร้างคุณค่า (Unlocking Value) โดยการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อการสร้าง และเพิ่มคุณค่าของสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่า และผลตอบแทนสูงสุด โดยมุ้งเน้นการดำเนินธุรกิจ 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า และบ้านจัดสรร ทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ ภายใต้แบรนด์ โกลเด้นแลนด์ ส่วนสินทรัพย์ใดที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก็จะขายเพื่อนำเงินมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ และในปี 58 ปีแห่งการนำพาสู่การเติบโต

สำหรับแผนการขายสินทรัพย์ใดที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือที่ดินที่ไม่สามารถนำมาลงทุนในธุรกิจหลักได้ เพื่อนำมาขายเพื่อนำเงินมาชำระหนี้บางส่วนซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีหนี้กับสถาบันการเงินกว่า 4,000 ล้านบาท มีภาระดอกเบี้ย 250 ล้านบาท/ปี และที่เหลือบางส่วนจะนำมาเพิ่มสภาพคล่องให้แก่บริษัทในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในมือ
ที่ดินเสนอขาย
สำหรับที่ดินที่ไม่สามารถนำมาพัฒนาให้ตรงกับเป้าหมายการดำเนินงาน บริษัทได้นำมาเสนอขาย จำนวน 6 แปลง มูลค่าประมาณ 2,400 ล้านบาท ได้แก่ 1.ที่ดินบนถนนรามคำแหง 28 เนื้อที่ 31 ไร่ ราคา 980 ล้านบาท ซึ่งขายให้แก่ บริษัท สิริทรัพย์พัฒนาฯ รับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ซึ่งมีกำไร 230 ล้านบาท 2.ที่ดินอำเภอเมือง และอำเภอเชียงของ เชียงราย ขนาด 154 ไร่ ราคา 175 ล้านบาท ขายให้แก่ผู้ประกอบการท้องถิ่น รับรู้รายได้ไปแล้วบางส่วน ที่เหลือจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2 นี้ ทั้ง 2 แปลงขายได้รวม 1,155 ล้านบาท

ส่วนที่เหลืออีก 4 แปลง ได้แก่ 1.ที่ดินพานอรามา กอล์ฟคลับ ตั้งอยู่ที่อำเภอสีคิ้ว นครราชสีมา ขนาด 2,100 ไร่ ราคาประมาณ 700 ล้านบาท 2.ที่ดินชายทะเล อำเภอเมือง กระบี่ ขนาด 118 ไร่ ราคาประมาณ 250 ล้านบาท 3.ที่ดินอำเภอทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์ ขนาด 213 ไร่ ราคาประมาณ 130 ล้านบาท และ 4.ที่ดินบ้านฉาง ระยอง ขนาด 87 ไร่ ราคาประมาณ 150 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะสามารถขายได้หมดภายในปีนี้

“ที่ดินรามคำแหง 28 แม้ว่าจะอยู่ทำเลในเมือง ย่านใจกลางชุมชน แต่เนื่องจากมีขนาดใหญ่ถึง 31 ไร่ มูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท จากการศึกษาหากพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมจะต้องพัฒนาเป็นตึกสูงประมาณ 4,000-5,000 ยูนิต หากเป็นบ้านเดี่ยวจะต้องเสนอขายราคาไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท/ยูนิต และหากพัฒนาเป็นทาวน์เฮาส์ จะต้องมีราคาไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท/ยูนิต ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 3,000-4,000 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาในการพัฒนากว่า 5 ปี ซึ่งถือเป็นโครงการที่ใหญ่มากสำหรับบริษัท จึงต้องนำออกมาขายดังกล่าว” นายธนพลกล่าวและว่า

ในภาวะตลาดทรงตัว และสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่นิ่งเช่นนี้ การเก็บที่ดินโดยไม่พัฒนา (Land Bank) ไว้เป็นความเสี่ยงกับบริษัทฯ อีกทั้งที่ดินทั้งหมดของบริษัทฯ ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งไม่ตรงกับแผนการดำเนินธุรกิจที่เจาะตลาดกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประกอบกับบริษัทยังคงมีภาระหนี้จำนวนมาก การขายสินทรัพย์ตามแผนนี้จะช่วยให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการตามเป้าในการขึ้นเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ท็อปเทนของประเทศไทยให้ได้ภายใน 5 ปี

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปีนี้ประมาณ 4,100 ล้านบาท มาจากรับรู้รายได้จากการขายโครงการบ้าน จำนวน 1,900 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจออฟฟิศ และรายได้ค่าเช่าอื่นๆ อีก 1,000 ล้านบาท รายได้จากการขาย non-core หรือการขายที่ดิน จำนวน 1,200 ล้านบาท โดยในปี 59 ตั้งเป้ามียอดรับรู้รายได้จากโครงการบ้าน 5,000 ล้านบาท ส่วนขาดทุนสะสมที่อยู่ประมาณ 1,600 ล้านบาท บริษัทมีแผนที่จะล้างขาดทุนให้หมดภายในปี 58 ด้วยการนำกำไรจากการดำเนินงานทยอยล้างขาดทุน

ส่วนแผนพัฒนาโครงการในปี 57 เปิด 10 โครงการใหม่ มูลค่า 9,000 ล้านบาท โดยเปิดไปแล้ว 3 โครงการ เหลืออีก 7 โครงการ แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 60% บ้านเดี่ยว 40% และตั้งงบซื้อที่ดิน 2,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาภายใน 3 ปีข้างหน้า ปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 700-800 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ทั้งหมด ซึ่งไตรมาส 1/57 คาดยอดรับรู้ 300 ล้านบาท ไตรมาส 3-4/57 จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในส่วนธุรกิจออฟฟิศให้เช่ามีแผนเปิดโครงการเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ มูลค่าการลงทุน 5,000 ล้านบาท คาดปีนี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ในการเริ่มก่อสร้างฐานราก และคาดแล้วเสร็จปี 60
กำลังโหลดความคิดเห็น