บลจ.ไทยพาณิชย์ตั้งเป้า AUM แตะล้านล้านบาท เน้นเชิงรุกพัฒนาสินค้าครอบคลุมทุกความต้องการ ระบุปี 57 กองทุนรวมแข่งดุ หลังแบงก์ส่อเลิกระดมเงินฝาก พร้อมแนะกระจายลงทุนต่างประเทศหลังหุ้นไทยครึ่งปีแรกผลตอบแทนจำกัด ล่าสุดเตรียมเปิดขายกองทุนใหม่ ลุยหุ้นยุโรปอิงผลตอบแทนจาก STOXX Europe 600 เปิดขายประมาณ 24 กุมภาฯ นี้
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร (AUM) ในปี 2557 ที่ระดับ 1 ล้านล้านบาท จากเดิมในปี 2556 ที่อยู่ในระดับ 836,000 ล้านบาท โดยจะเน้นนโยบายเชิงรุกด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญต่อการออกกองทุนที่หลากหลายควบคู่ไปกับการให้ความรู้แก่นักลงทุนที่มีความต้องการแตกต่างกัน
ทั้งนี้ แนวโน้มการแข่งขันของธุรกิจกองทุนรวมในปีนี้เชื่อว่ากองทุนรวมจะเป็นกองทุนหลักที่ บลจ.มีการแข่งขันกันมากที่สุด ภายหลังจากในปีที่ผ่านมาจะเน้นหนักไปทางกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยคาดว่าในปีนี้การระดมเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์จะลดลง ส่งผลให้มีเม็ดเงินกลับมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้มากขึ้นได้
“ปีที่ผ่านมาเราทำสำเร็จไปแล้วกับกองอสังหาฯ และกองอินฟราฯ และในปีนี้ก็จะมีกองที่จดทะเบียนไปแล้วออกมาเสนอขายเหมือนกัน แต่เชื่อว่าการแข่งขันในอุตสาหกรรมน่าจะกลับมาเน้นกันที่กองทุนรวมโดยเฉพาะตราสารหนี้ ซึ่งในส่วนของเทอมฟันด์เรามีกองทุนเอาไว้รองรับอยู่แล้ว แต่ก็มีกองตราสารหนี้ระยะสั้นที่ออกไปลงทุนต่างประเทศที่มีความเสี่ยงสูงกว่าแต่ให้ผลตอบแทนมากกว่าเหมือนกัน โดยตรงนี้ บลจ.ที่เป็นคู่แข่งก็คงจะมีเหมือนเรา แต่เราเชื่อว่าแบงก์แม่และลูกค้าของเราน่าจะทำให้เราได้เปรียบอยู่บ้าง”
นางโชติกากล่าวอีกว่า ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีนี้ บริษัทคงจะมีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นโดยเฉพาะกองทุนส่วนบุคคลที่บริษัทเริ่มให้ความสำคัญต่อการขยายตลาดไปสู่ลูกค้าสถาบันมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมากองทุนส่วนบุคคลมีอัตราการเติบโตประมาณ 111% สามารถขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 2 ของอุตสาหกรรมด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 81,500 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ 38,600 ล้านบาท นอกจากนี้คาดว่าจะสามารถขึ้นไปอยู่อันดับที่หนึ่งได้หลังจากได้รับเลือกจากสำนักงานประกันสังคมให้มีส่วนร่วมในการดูแลเงินลงทุนจำนวนหนึ่ง แต่คงจะต้องดูอีกครั้งว่าตัวเลขจะเป็นอย่างไรในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของลูกค้าธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะเน้นการทำงานร่วมกับกลุ่มไทยพาณิชย์เพื่อจัดสรรผลิตภัณฑ์พิเศษแก่ลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
“ในปีที่ผ่านมากองทุนสำรองเลี้ยงชีพเราโต 30% ขณะที่อุตสาหกรรมโต 7% และมีสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 97,500 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 ของทั้งอุตสหกรรม และในปีนี้เราจะคงส่งเสริมภาคธุรกิจให้ตั้งกองทุนมากขึ้น แต่คงจะรับบริหารเฉพาะที่เราดูแล้วว่าค่าธรรมเนียมสามารถทำได้ไม่ต่ำจนเกินไปมากกว่า” นางโชติกากล่าว
**แนะลงทุนต่างประเทศ*
นางโชติกากล่าวอีกว่า การลงทุนในต่างประเทศเป็นอีกแนวทางที่บริษัทอยากแนะนำในปีนี้ โดยเชื่อว่าแนวโน้มผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทยค่อนข้างจำกัด และยังเห็นสัญญาณเงินทุนไหลกลับเข้าลงทุนในประเทศพัฒนาแล้วมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดหุ้น ยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่น่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น
โดยล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนใหม่ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยุโรป (SCBEUEQ) ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเชิงลับในกองทุน ETF ที่ให้ผลตอบแทนอ้างอิงกับ STOXX Europe 600
“หุ้นไทยน่าจะมีความผันผวนสูงในครึ่งปีแรกจากเงินทุนไหลออก และความไม่สงบทางการเมือง ทำให้หุ้นไทยขาดปัจจัยสนับสนุน แต่เรายังเชื่อว่าทิศทางในช่วงปีหลังน่าจะปรับตัวดีขึ้นได้จากแรงหนุนของภาคการค้าและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย” นางโชติกากล่าว
