ไทยประกันชีวิตปรับกลยุทธ์รุกปี 57 เน้นยกระดับตัวแทนเป็นผู้ช่วยวางแผนชีวิต ตั้งเป้ากวาดเบี้ยปีแรกเพิ่มอีก 30% หรือ 17,200 ล้านบาท ระบุยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หวังเพิ่มความไว้วางใจ และการอยู่เคียงข้างสังคมไทย
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้เอาไว้ว่าจะสามารถทำเบี้ยประกันปีแรกรวมจากทุกช่องทางได้ถึง 17,200 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 30% โดยช่องทางตัวแทนประกันชีวิตตั้งเป้าเบี้ยประกันรับปีแรก 13,500 ล้านบาท และช่องทาง Non Agent ซึ่งประกอบด้วย ช่องทางขายผ่านธนาคาร และช่องทางขายตรงผ่านโทรศัพท์ บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันรับปีแรก 3,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดรับกับภาวะการตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกด้าน โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric)
สำหรับในปีนี้ซึ่งเป็นวาระครบ 72 ปี บริษัทจึงได้ประกาศปรับเปลี่ยนค่านิยม พันธกิจ และวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจใหม่เพื่อให้ไทยประกันชีวิตไม่ใช่เพียงบริษัทที่ดำเนินธุรกิจประกันชีวิต หากแต่ก้าวสู่การเป็น People Business ดำเนินธุรกิจ โดยให้ความสำคัญต่อ “คน” ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
“เราต้องเปลี่ยนความเชื่อและค่านิยมใหม่ เราไม่ได้แค่ขายกรมธรรม์ประกันชีวิต เพราะการขายประกันชีวิตเป็นเพียงแค่การขายสินค้าชนิดหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญมากกว่าคือ ขายความไว้ใจ การดูแล การเอาใจใส่ และความเอื้ออาทร จุดยืนของไทยประกันชีวิตนับจากนี้ต่อไป เป็นเหมือนเพื่อนที่รู้ใจ ที่พร้อมอยู่เคียงข้าง ทำทุกอย่างอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ทุกช่วงชีวิตของลูกค้าเป็นไปอย่างมั่นคง หัวใจสำคัญคือ มีความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ไม่หยุดที่จะบุกเบิก คิดค้นคำตอบใหม่ๆ ในเรื่องการประกันชีวิต เพื่อตอบสนองในทุกสถานการณ์ของชีวิตของทุกคน พร้อมผลักดันศักยภาพของคนไทยประกันชีวิตในทุกๆด้ าน” นายไชยกล่าว
การขับเคลื่อนทางการตลาดนับจากนี้ไปของไทยประกันชีวิต จะต้องขับเคลื่อนด้วยการสร้างคุณค่าให้เพิ่มขึ้นทั้งลูกค้า คนในครอบครัวของลูกค้า และคนในสังคม ทั้งในด้านอารมณ์ ความรู้สึก และด้านกิจกรรมการตลาดที่สร้างความรู้สึกที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ลูกค้าและคนในสังคมจดจำไทยประกันชีวิตในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และยืนหยัดอยู่ในสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น การจะเป็นที่จดจำหรือเป็นที่หนึ่งในใจของคนไทย ไทยประกันชีวิตจึงต้องปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ใหม่
โดยวิสัยทัศน์ใหม่จะมุ่งเน้นการให้ความสำคัญต่อคนเป็นหลัก สอดรับกับการปรับสู่ People Business โดยให้ความสำคัญทั้งคนภายใน ด้วยการพัฒนาและผลักดันให้บุคลากรสำนักงานใหญ่และสาขาเป็นมากกว่าเพียงพนักงานบริษัทประกันชีวิต แต่ต้องคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก รวมถึงมุ่งทำประโยชน์เพื่อสังคม
ขณะที่บุคลากรฝ่ายขายต้องไม่เป็นเพียงตัวแทนประกันชีวิต และต้องพัฒนาจากการเป็นผู้วางแผนดูแลชีวิต หรือ Life Planner ก้าวสู่การเป็น Life Partner หรือหุ้นส่วนชีวิต เป็นเพื่อนคู่คิดสำหรับทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผู้เอาประกันหรือคนในสังคม ด้วยการเป็นคนเก่ง คือผู้รอบรู้และรู้รอบ เพื่อเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต ขณะเดียวกันต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยการเป็นคนดี มีคุณธรรม จริยธรรม และมโนธรรม เป็นผู้ให้แก่สังคม อย่างไรก็ตาม ไทยประกันชีวิตไม่เพียงมุ่งมั่นผลักดันศักยภาพของคนไทยประกันชีวิตเท่านั้น แต่บุคลากรเองยังต้องพร้อมเปิดรับ เรียนรู้ และไม่หยุดคิดค้น เพื่อให้ก้าวทันทุกสถานการณ์ และสามารถเติมเต็มความมั่นคงสมบูรณ์ให้ทุกชีวิตและสังคมได้
นอกจากนั้น บริษัทยังให้ความสำคัญต่อคนภายนอก ได้แก่ ผู้เอาประกัน ด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงกิจกรรมพิเศษต่างๆ เพื่อให้ผู้เอาประกันได้รับสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญต่อคนในสังคม ด้วยการเป็นองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม มุ่งบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับพันธกิจในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดรับและเป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่กำหนด โดยกำหนดพันธกิจรวม 5 ด้าน คือ ด้านบุคลากร พัฒนาให้บุคลากรเป็นทั้งคนดีและคนเก่ง ให้มีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า ด้านกระบวนการ มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการผสมผสานศักยภาพของคนในองค์กร และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้านผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางการขาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบบูรณาการ ด้านองค์กร พัฒนาสู่การเป็นองค์กรชั้นนำในระดับภูมิภาค และด้านสังคม มุ่งสร้างจิตสำนึกของความรับผิดชอบในฐานะองค์กรที่ดีของสังคม
