บลจ.ขายกองตราสารหนี้ระยะสั้น หวังใช้พักเงินรอจังหวะลงทุนหุ้น ฟินันซ่าขายกองอายุ 6 เดือน ชูผลตอบแทน 3.10% กสิกรไทยเปิดขายอีก 3 กองทุน ลงทุนทั้ง 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ชูผลตอบแทนสูงสุด 3.20% ต่อปี
นายสุรสีห์ จงไชโย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเสนอกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน อัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 3.10% ต่อปี
ทั้งนี้ บลจ.ฟินันซ่าประเมินว่า จากมติการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมามีมติ 4 ต่อ 3 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25%ต่อปี สวนทางกับตลาดซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดลง 0.25% แม้ว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2557 ลดลงจากเดิม 4% เป็น 3% อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่ยังคงยืดเยื้อและไม่มีทางออก รวมถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 60 วันของรัฐบาล ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสภาวะการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยทำให้เกิดความผันผวนต่อเนื่องได้
ในภาวะนี้ดอกเบี้ยระยะสั้นมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงและดอกเบี้ยระยะยาวมีแนวโน้มปรับขึ้น ประกอบกับความผันผวนของตลาดหุ้นและสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ บลจ.ฟินันซ่าจึงออกเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน ชื่อ กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 6เดือน6 (FAM FIPR6M6) โดยมีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 3.10% ต่อปี เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 28 ม.ค.-4 ก.พ. 57 โดยสินทรัพย์ในกองทุนบางส่วนจะลงทุนเป็นเงินฝากธนาคารต่างประเทศและในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ขึ้นไป (Investment Grade)
สำหรับกองทุนเปิดฟินันซ่า ตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 6เดือน6 (FAM FIPR6M6) เป็นกองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากการขายกองทุนก่อนหน้านี้ เป็นกองทุน Specific fund โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินและ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC (Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia) หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), บมจ.อีซี่บาย (BBB+), บจ.บีเอสแอล ลีสซิ่ง(BBB) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB ขึ้นไป, ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 มกราคม-3 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ บลจ.กสิกรไทยจะเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เจ (KEFF6MJ) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.05% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ซี (KEFF1YC) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.20% ต่อปี
ทั้งสองกองทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท เพื่อเสนอเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น โดยต้องการสร้างโอกาสรรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ดีวาย (KFI3MDY) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.85% ต่อปี โดยสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในเงินฝากของ Bank of China, สาขามาเก๊า และเงินฝากของ Garanti Bank, ประเทศตุรกี เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารทิสโก้ ไทย จำกัด (มหาชน) (A/TRIS) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (AA-(tha)/Fitch) รวมทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ AAA โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เจ (KEFF6MJ) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝากของ China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง และเงินฝากของ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A และ BBB ตามลำดับ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ระดับ BBB และ BBB- ตามลำดับ รวมทั้งยังลงทุนในตั๋วแลกเงิน บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A+
ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ซี (KEFF1YC) ในเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝากของ China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง และเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า ซึ่งทั้งคู่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A. และตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล รวมทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ระดับ BBB, BBB- และ BBB- ตามลำดับ โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นายสุรสีห์ จงไชโย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการเสนอกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน อัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 3.10% ต่อปี
ทั้งนี้ บลจ.ฟินันซ่าประเมินว่า จากมติการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมามีมติ 4 ต่อ 3 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25%ต่อปี สวนทางกับตลาดซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดลง 0.25% แม้ว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงตั้งแต่ปีที่ผ่านมา รวมถึงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2557 ลดลงจากเดิม 4% เป็น 3% อันเนื่องมาจากความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศที่ยังคงยืดเยื้อและไม่มีทางออก รวมถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 60 วันของรัฐบาล ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสภาวะการลงทุนในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ รวมไปถึงส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยทำให้เกิดความผันผวนต่อเนื่องได้
ในภาวะนี้ดอกเบี้ยระยะสั้นมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงและดอกเบี้ยระยะยาวมีแนวโน้มปรับขึ้น ประกอบกับความผันผวนของตลาดหุ้นและสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ บลจ.ฟินันซ่าจึงออกเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน ชื่อ กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 6เดือน6 (FAM FIPR6M6) โดยมีอัตราผลตอบแทนโดยประมาณ 3.10% ต่อปี เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 28 ม.ค.-4 ก.พ. 57 โดยสินทรัพย์ในกองทุนบางส่วนจะลงทุนเป็นเงินฝากธนาคารต่างประเทศและในประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ขึ้นไป (Investment Grade)
สำหรับกองทุนเปิดฟินันซ่า ตราสารหนี้พลัสโรลโอเวอร์ 6เดือน6 (FAM FIPR6M6) เป็นกองทุนที่โรลโอเวอร์มาจากการขายกองทุนก่อนหน้านี้ เป็นกองทุน Specific fund โดยกองทุนจะพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงินและ/หรือ เงินฝากของภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคารต่างประเทศสกุลเงิน USD, CNY, HKD, EUR, JPY กับธนาคาร BOC (Macau), Standard Chartered Bank (Hong Kong), ธนาคาร CIMB Niaga (Indonesia) หรือเงินฝากสกุลเงิน AED ธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank, UAE (F1), ธนาคาร Union National Bank, UAE(P-1), ตั๋วเงินหรือเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในประเทศ, ตั๋วแลกเงิน บมจ.ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) (BBB), ตั๋วแลกเงิน บมจ.เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (BBB+), ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (BBB+), บมจ.อีซี่บาย (BBB+), บจ.บีเอสแอล ลีสซิ่ง(BBB) หรือตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB ขึ้นไป, ตั๋วเงินคลัง หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 มกราคม-3 กุมภาพันธ์ 2557 นี้ บลจ.กสิกรไทยจะเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เจ (KEFF6MJ) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.05% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ซี (KEFF1YC) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.20% ต่อปี
ทั้งสองกองทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้ด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท เพื่อเสนอเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น โดยต้องการสร้างโอกาสรรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทยยังเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ดีวาย (KFI3MDY) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.85% ต่อปี โดยสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในเงินฝากของ Bank of China, สาขามาเก๊า และเงินฝากของ Garanti Bank, ประเทศตุรกี เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารทิสโก้ ไทย จำกัด (มหาชน) (A/TRIS) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (AA-(tha)/Fitch) รวมทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ AAA โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เจ (KEFF6MJ) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝากของ China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง และเงินฝากของ Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A และ BBB ตามลำดับ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ระดับ BBB และ BBB- ตามลำดับ รวมทั้งยังลงทุนในตั๋วแลกเงิน บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS ที่ระดับ A+
ด้านกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ซี (KEFF1YC) ในเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝากของ China Construction Bank Corporation, สาขาฮ่องกง และเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า ซึ่งทั้งคู่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ Banco Santander (Brasil) S.A. และตราสารหนี้ Banco ABC Brasil S.A., ประเทศบราซิล รวมทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ BTG Investments LP ที่รับประกันโดย BTG Pactual Holding S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งทั้งหมดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ระดับ BBB, BBB- และ BBB- ตามลำดับ โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน