บลจ.กสิกรไทยชวนลงทุนส่งท้ายปี 2556 เสนอขายกองตราสารหนี้ 3 เดือน ชูโอกาสรับผลตอบแทน 3.00% ต่อปี เสนอขาย 25-26 ธ.ค.นี้ พร้อมเผยมูลค่าลงทุนกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) ปี 56 รวมกว่า 653,000 ล้านบาท ครองผู้นำตลาด ย้ำปี 57 เตรียมคัดตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก เสนอ Yield สูง ตอบรับดีมานด์นักลงทุน
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า กองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการทั้งกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ในประเทศและตราสารหนี้ต่างประเทศที่บริษัทเสนอขายมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี 2556 มีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนรวมแล้วกว่า 653,000 ล้านบาท (ณ วันที่ 24 ธ.ค. 2556) โดย บลจ.กสิกรไทยยังครองความเป็นผู้นำตลาดกองทุนรวมประเภทดังกล่าว คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 35% ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อการบริหารงานของ บลจ.กสิกรไทย โดยผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนักยังคงต้องการทางเลือกในการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจมากกว่าเงินฝากในช่วงภาวะดอกเบี้ยต่ำ
“ตั้งแต่ต้นปี 2556 บลจ.กสิกรไทยเสนอขายกองทุนในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ รวมแล้วกว่า 200 กองทุน ซึ่งทุกกองทุนได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ลงทุนซึ่งเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญของบริษัท รวมถึงต้องการโอกาสในการกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยซบเซา”
ทั้งนี้ ภายในปี 2557 บลจ.กสิกรไทยจะยังคงเสนอขายกองทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยจะยังคงคัดเลือกตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งในและต่างประเทศเข้ามาผสมผสานในพอร์ตการลงทุน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจมากขึ้น ทำให้ผู้ลงทุนมั่นใจได้ว่าตราสารที่บริษัทคัดเลือกมาให้ลงทุน ได้ผ่านการกลั่นกรองคุณภาพตลอดทั้งผ่านการวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงมาเป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน บลจ.กสิกรไทยจึงเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ดีอาร์ (KFI3MDR) เพื่อเป็นการส่งท้ายปลายปี 2556 โดยเสนอโอกาสรับผลตอบแทนสูง 3.00% ต่อปี เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้นและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ โดยจะเปิดเสนอขายภายในวันที่ 25-26 ธันวาคม 2556 ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าว ในเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝากของ Bank of China, สาขามาเก๊า และเงินฝากของ Garanti Bank, ประเทศตุรกี ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ A และ BBB- ตามลำดับ นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ A+ และ AA- ตามลำดับ อีกทั้งยังลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, ประเทศไทย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก TRIS
