คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
โดยวรวรรณ ธาราภูมิ
CEO กองทุนบัวหลวง
ลงทุนในหุ้นสำหรับปี 2557 ทีมจัดการกองทุนบัวหลวง ยังคงใช้มุมมองการลงทุนที่ผสมผสานระหว่างปัจจัยภาพรวม (Macro theme) กับปัจจัยพื้นฐานหุ้นรายตัว
ในภาพใหญ่นั้น จะมุ่งเน้นไปกับกลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์ไปกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศแถบอินโดจีน กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม (CLMV) ซึ่งเรามองว่าในภูมิภาคนี้กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่สำคัญ ได้แก่
1. การพัฒนาเข้าสู่สังคมเมือง (Urbanization)ซึ่งจะมีผลต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเพิ่มรายได้ของประชาชน ซึ่งจะมีผลให้พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป
2. การเข้าสู่สมาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งจะกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายการลงทุน การท่องเที่ยวและการเดินทางเพื่อธุรกิจ
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนี้จะดำเนินไปเป็นระยะเวลานานหลายปี เราจึงเชื่อว่า Theme การลงทุนดังกล่าวนี้น่าจะสามารถใช้ได้ไม่เพียงแต่ในปี 2557 แต่ยังต่อเนื่องไปในปีถัดๆ ไปด้วย
อย่างไรก็ตาม กระแส AEC นั้นไม่มีแต่ด้านที่เป็นโอกาสเพียงอย่างเดียว แต่ย่อมเป็นความเสี่ยงสำหรับบางธุรกิจด้วยจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นทั้งจากคู่แข่งภายในและภายนอกภูมิภาคอาเซียน
ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญมากต่อมุมมองด้านปัจจัยพื้นฐานหุ้นรายตัว โดยธุรกิจที่เราเลือกลงทุนนั้นต้องมีลักษณะที่เหมาะสมบางประการที่จะสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ซึ่งช่วยให้บริษัทมีการเติบโตทั้งด้านยอดขายและกำไร คุณสมบัติที่เรามองหานั้น ยกตัวอย่าง เช่น
- บริษัทที่เป็นผู้นำในธุรกิจที่ทิ้งห่างคู่แข่งมากจนเกิดความได้เปรียบด้านขนาด (Economy of Scale) หรือเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจที่มีคู่แข่งไม่กี่ราย
- มีศักยภาพที่จะดึงดูดลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง เช่น สามารถพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่ดี มีเครือข่ายช่องทาง จำหน่ายที่แข็งแกร่ง หรือมี Brand สินค้าที่เป็นที่ยอมรับในตลาด
- ดำเนินธุรกิจอยู่ใน Segment ที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว
ธุรกิจที่จะมีคุณสมบัติครบถ้วนเช่นนี้มีไม่มาก และถ้ามี ราคาหุ้นก็จะไม่ถูกซื้อขายในระดับที่ถูก แต่ถึงจะมีคุณสมบัติเพียงบางข้อก็อาจจะเพียงพอที่จะลงทุนแล้ว ขึ้นกับปัจจัยอื่นๆ ประกอบกัน
ที่สำคัญคือผู้บริหารของบริษัทที่เราเลือกจะลงทุนต้องมีความโปร่งใสด้วย
หุ้นที่เราเลือกลงทุนสำหรับปี 2557 นั้น ส่วนมากจะอยู่ใน....
- กลุ่มค้าปลีกแบบ Modern Trade ซึ่งตอบสนองต่อวิถีชีวิตของสังคมเมือง
- กลุ่มขนส่งทางอากาศซึ่งจะได้ประโยชน์จากการเดินทางการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
- กลุ่มธนาคารพาณิชย์และประกันชีวิตซึ่งจะได้ผลดีจากการขยายการลงทุนและความต้องการผลิตภัณฑ์ ทางการเงินสำหรับบุคคล
- กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่มีศักยภาพที่จะขยายเครือข่ายการขายไปในประเทศเพื่อนบ้าน
-ฯลฯ
มีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า กำลังซื้อประชาชนจะยังชะลอตัว และจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีหน้า ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนสงสัยว่าพอร์ตการลงทุนที่อิงกับการบริโภคค่อนข้างมากจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้หรือไม่?
เรื่องนี้เรามองว่าการเลือกหุ้นรายตัวเพื่อลงทุนเป็นหัวใจสำคัญสำหรับประเด็นนี้ เนื่องจากไม่ใช่ว่าทุกธุรกิจที่อิงกับการบริโภคจะดีหรือไม่ดีไปทั้งหมด เห็นได้จากผลประกอบการที่ผ่านมาในปี 2556 ที่หุ้นค้าปลีกหลายตัวยังมีกำไรเติบโตได้ ถึงจะถูกผลกระทบบ้างแต่ก็ไม่มากอย่างที่กังวลกัน เราจึงเชื่อว่าบรรยากาศการลงทุนในธุรกิจกลุ่มนี้น่าจะดีขึ้นในปีหน้า
ในด้าน Valuation เรามองว่าราคาซื้อขายหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดไม่ใช่ราคาถูก แต่ขณะนี้ก็ลดลงไปพอดูแล้วจากความกังวลทางการเมืองและความกังวลเรื่องลดขนาด QE ทำให้หุ้นบางตัวมี Upside มากพอและคุ้มกับความเสี่ยง
การลงทุนในหุ้นแบบนี้ เราเชื่อว่าจะช่วยให้การลงทุนสำหรับปี 2557 ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องยอมรับว่า “ด้วยศักยภาพการเติบโตของภูมิภาคอาเซียนที่ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาเพิ่มขึ้น หุ้นไทยคงจะไม่ถูกซื้อขายในระดับราคาที่ต่ำเหมือนช่วงก่อนวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เราจึงต้องยอมซื้อหุ้นที่ราคาสูงขึ้นมาบ้างเพื่อจะได้รับผลตอบแทนจากการเติบโตในอนาคต แต่เราจะหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีราคาสูงเกินมูลค่ามากเกินไป”
ปัญหาการเมือง แม้จะยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน / ปัญหายกเพดานหนี้อีกครั้งของสหรัฐฯ ในปลายๆ ก.พ.หน้า / กับปัญหา QE ที่จะยังตามมาหลอกหลอนในปลายๆ ไตรมาสแรกปีหน้า ฯลฯ ล้วนอาจจะกระทบราคาหุ้นในกระดานได้ทั้งสิ้น แต่ถ้าผู้ลงทุนตั้งใจลงทุนระยะยาวนานได้หลายๆ ปี เลือกหุ้นที่ดี ราคาในกระดานจะเป็นอย่างไรในระยะสั้นก็ไม่น่าจะกระทบกำไรสุทธิในอนาคตของหุ้นนั้นๆ
อย่าลืมว่าเราลงทุนในกิจการดีๆ มีกำไร ไม่ได้ลงทุนในดัชนีตลาดหลักทรัพย์ และถ้าใครบอกตัวเองว่าเป็นผู้ลงทุนระยะยาว เป็น Value Investor แต่กลับไปหวั่นไหวง่ายๆ กับสิ่งเร้าที่เข้ามาทุกวัน ทั้งบวกและลบ คุณอาจไม่เหมาะที่จะลงทุนในหุ้น
การได้รางวัลบริหารจัดการกองทุนเป็นที่หนึ่งในแต่ละปีนั้น เมื่อได้เราก็ดีใจ แต่เราไม่ได้ตั้งเป้าบริหารกองทุนเพื่อให้ได้รางวัลเป็นปีต่อปี เพราะโดยธรรมชาติของการบริหารพอร์ตลงทุนนั้น โอกาสที่จะได้รางวัลที่ 1 ทุกปีเรียกได้ว่าไม่มีเลย
ไม่เหมือนการมองระยะยาวกว่านั้น เช่นในกรอบสั้นที่สุดก็ 3 ปี ระยะกลางก็ 5 ปี และระยะยาวคือ 10 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายของเราที่จะต้องการให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า เป็นกอบเป็นกำ สมกับความอดทนรอคอยอันยาวนานของผู้ลงทุน
ดังนั้น แม้หุ้นที่เราลงทุนไปด้วยความเชื่อมั่น อาจจะมีราคาในกระดานบางช่วง บางปี ไม่โดดเด่น เพราะคนเลิกฮิต แต่ถ้าเรามองเห็นว่าความฮิตไม่เกี่ยว กำไรสุทธิของบริษัทนั้นๆ ต่างหากที่เป็นภาพจริง และภาพที่เราเห็นว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างคุ้มค่ายังมีอยู่ เราก็จะกอดหุ้นแบบนั้นไว้แน่นๆ และเมื่อมีจังหวะ ราคาตกลงมา เราก็จะสะสมเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับที่กำหนดสัดส่วนไว้ค่ะ