คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
โดยกองทุนบัวหลวง
Warren Buffett
“ผู้ลงทุนของแท้ย่อมยินดีจะอ้าแขนรับความผันผวน ตลาดที่ผันผวนมากหมายถึงบริษัทดีๆ มีธุรกิจที่แข็งแกร่ง ก็เจอกับราคาหุ้นในตลาดที่ตกต่ำลงอย่างไม่มีเหตุผลได้เป็นครั้งคราว แต่ผมไม่สนใจหรอกว่าหุ้นจะมีราคาเท่าไหร่ในตลาด ถ้าบริษัทนั้นทำธุรกิจได้ดี ราคาหุ้นมันจะตามไปได้ ดังนั้น ถ้าไม่เต็มใจที่จะถือหุ้นยาวๆ ได้เป็นสิบปี ก็อย่าไปคิดที่จะถือหุ้นแม้เพียง 10 นาทีเลย”
กองทุนรวมบัวหลวงเน้นความสำคัญของการลงทุนในระยะยาวเพื่อผลตอบแทนที่เป็นกอบเป็นกำ มากกว่ามุ่งซื้อขายเพื่อทำกำไรในช่วงสั้นๆ
/ Risk management : เครื่องหมายทางการเงินประหลาดๆ อย่าง QE ทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น นักลงทุนจึงต้องบริหารความเสี่ยงด้วยการให้เวลากับตัวเองเพื่อคิดวางแผนการเงิน กับกำหนดเป้าหมายในการลงทุน โดยจะต้องประเมินว่าตนเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน แล้วจึงกระจายการลงทุนเพื่อให้ได้ well balanced portfolio ในการสะสมความมั่งคั่ง ซึ่งจะทำให้ดำรงชีวิตในบั้นปลายได้อย่างมีความสุข ทั้งนี้ ต้องติดตามพอร์ตการลงทุนเป็นระยะๆ เพื่อ Rebalance port และที่สำคัญคือต้องมีวินัยในการลงทุน
/ VI + RI : แทนที่จะเป็นนักลงทุนแบบ VI (Value Investor) ควรเป็นนักลงทุนแบบ RI (Rational Investor) เพราะในโลกที่ข้อมูลข่าวสารมาก และสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเร็ว ทำให้บางครั้งเราอาจตัดสินใจไปตามอารมณ์มากกว่าการมีเหตุผล ข่าวสารต่างๆ จะลดทอนความสามารถในการแยกแยะความจริงกับความคิดเห็น ทำให้แยกไม่ออกระหว่างอะไรสำคัญกับอะไรที่ไม่เป็นประเด็น หากเป็น RI ได้ จะได้ไม่เลอะสมองจนเกินไป
Index direction x Stock focus / : แทนที่จะถามว่า SET จะขึ้น/ลง ไปเท่าไหร่ ให้หันไปสนใจในหุ้นที่เราลงทุนว่าแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจยังดีอยู่หรือไม่จะดีกว่า เพราะเราไม่ได้ลงทุนในดัชนี แม้ว่าในระยะสั้นทิศทางของดัชนีจะเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดทิศทางราคาหุ้น แต่ในระยะยาวราคาหุ้นจะปรับตัวเข้าหามูลค่าที่แท้จริงของมันเอง ซึ่งการลงทุนที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีย่อมต้องมีความอดทนและอาศัยเวลา (อยากได้สิ่งดีๆ ก็ต้องรู้จักรอ) และในการคัดเลือกหุ้นลงทุน เราไม่ควรให้ความสำคัญต่อกำไรที่มากในบางปี แต่ควรเน้นการเติบโตของกำไรที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว
Liquidity driven x Fundamental driven / : จากนี้ไปเรามองว่า การปรับตัวขึ้นของ SET Index จะมาจาก EPS growth เป็นหลัก ไม่ใช่ P/E expansion นักลงทุนจึงควรลงทุนโดยเน้นที่ปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจเป็นสำคัญ โดยเลือกบริษัทที่มีธุรกิจมั่นคง มีรายได้ไม่ผันผวนไปตามปัจจัยภายนอก สร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และมีกำไรที่ยั่งยืน
Our Investment theme
มีตรา ยั่งยืน โปร่งใส มีชัย ไปกับ AEC (AEC, Brand Quality, Sustainability, Transparency)
•หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก AEC หรือการร่วมมือกันของเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง เพราะเป็นโอกาสในการขยายทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
•หุ้นที่มี Quality of Brand เพราะการมีตราสินค้าที่ดีจะช่วยสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และทำให้มี Pricing Power + Loyalty ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง
•หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจบริการ เช่น การท่องเที่ยว, การแพทย์
โดยกองทุนบัวหลวง
Warren Buffett
“ผู้ลงทุนของแท้ย่อมยินดีจะอ้าแขนรับความผันผวน ตลาดที่ผันผวนมากหมายถึงบริษัทดีๆ มีธุรกิจที่แข็งแกร่ง ก็เจอกับราคาหุ้นในตลาดที่ตกต่ำลงอย่างไม่มีเหตุผลได้เป็นครั้งคราว แต่ผมไม่สนใจหรอกว่าหุ้นจะมีราคาเท่าไหร่ในตลาด ถ้าบริษัทนั้นทำธุรกิจได้ดี ราคาหุ้นมันจะตามไปได้ ดังนั้น ถ้าไม่เต็มใจที่จะถือหุ้นยาวๆ ได้เป็นสิบปี ก็อย่าไปคิดที่จะถือหุ้นแม้เพียง 10 นาทีเลย”
กองทุนรวมบัวหลวงเน้นความสำคัญของการลงทุนในระยะยาวเพื่อผลตอบแทนที่เป็นกอบเป็นกำ มากกว่ามุ่งซื้อขายเพื่อทำกำไรในช่วงสั้นๆ
/ Risk management : เครื่องหมายทางการเงินประหลาดๆ อย่าง QE ทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น นักลงทุนจึงต้องบริหารความเสี่ยงด้วยการให้เวลากับตัวเองเพื่อคิดวางแผนการเงิน กับกำหนดเป้าหมายในการลงทุน โดยจะต้องประเมินว่าตนเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน แล้วจึงกระจายการลงทุนเพื่อให้ได้ well balanced portfolio ในการสะสมความมั่งคั่ง ซึ่งจะทำให้ดำรงชีวิตในบั้นปลายได้อย่างมีความสุข ทั้งนี้ ต้องติดตามพอร์ตการลงทุนเป็นระยะๆ เพื่อ Rebalance port และที่สำคัญคือต้องมีวินัยในการลงทุน
/ VI + RI : แทนที่จะเป็นนักลงทุนแบบ VI (Value Investor) ควรเป็นนักลงทุนแบบ RI (Rational Investor) เพราะในโลกที่ข้อมูลข่าวสารมาก และสามารถเข้าถึงได้ง่ายและเร็ว ทำให้บางครั้งเราอาจตัดสินใจไปตามอารมณ์มากกว่าการมีเหตุผล ข่าวสารต่างๆ จะลดทอนความสามารถในการแยกแยะความจริงกับความคิดเห็น ทำให้แยกไม่ออกระหว่างอะไรสำคัญกับอะไรที่ไม่เป็นประเด็น หากเป็น RI ได้ จะได้ไม่เลอะสมองจนเกินไป
Index direction x Stock focus / : แทนที่จะถามว่า SET จะขึ้น/ลง ไปเท่าไหร่ ให้หันไปสนใจในหุ้นที่เราลงทุนว่าแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจยังดีอยู่หรือไม่จะดีกว่า เพราะเราไม่ได้ลงทุนในดัชนี แม้ว่าในระยะสั้นทิศทางของดัชนีจะเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดทิศทางราคาหุ้น แต่ในระยะยาวราคาหุ้นจะปรับตัวเข้าหามูลค่าที่แท้จริงของมันเอง ซึ่งการลงทุนที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีย่อมต้องมีความอดทนและอาศัยเวลา (อยากได้สิ่งดีๆ ก็ต้องรู้จักรอ) และในการคัดเลือกหุ้นลงทุน เราไม่ควรให้ความสำคัญต่อกำไรที่มากในบางปี แต่ควรเน้นการเติบโตของกำไรที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว
Liquidity driven x Fundamental driven / : จากนี้ไปเรามองว่า การปรับตัวขึ้นของ SET Index จะมาจาก EPS growth เป็นหลัก ไม่ใช่ P/E expansion นักลงทุนจึงควรลงทุนโดยเน้นที่ปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจเป็นสำคัญ โดยเลือกบริษัทที่มีธุรกิจมั่นคง มีรายได้ไม่ผันผวนไปตามปัจจัยภายนอก สร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ และมีกำไรที่ยั่งยืน
Our Investment theme
มีตรา ยั่งยืน โปร่งใส มีชัย ไปกับ AEC (AEC, Brand Quality, Sustainability, Transparency)
•หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก AEC หรือการร่วมมือกันของเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขง เพราะเป็นโอกาสในการขยายทางการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
•หุ้นที่มี Quality of Brand เพราะการมีตราสินค้าที่ดีจะช่วยสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และทำให้มี Pricing Power + Loyalty ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง
•หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจบริการ เช่น การท่องเที่ยว, การแพทย์