คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
โดยวรวรรณ ธาราภูมิ
CEO กองทุนบัวหลวง
Sector Fund หรือกองทุนรวมกลุ่มธุรกิจ คือกองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจหลักในกลุ่มอุตสาหกรรมชนิดเดียว เช่น กลุ่มธนาคาร หรือกลุ่มสื่อสาร หรือกลุ่มอาหาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มสาธารณูปโภค เป็นต้น ซึ่งจะเป็นกลุ่มไหนได้บ้างนั้น ของบ้านเราเขายึดหลักการจัดหมวดหมู่ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดไว้
Sector Fund มีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนประเภทอื่นๆ เนื่องจากไม่ได้กระจายการลงทุนไปในหลายๆ อุตสาหกรรม ซึ่งหากลงทุนได้ถูกต้องกับจังหวะเวลาที่อุตสาหกรรมนั้นไปได้ดีเช่น เป็นสินค้าหรือบริการที่อยู่ในวงจรเศรษฐกิจที่เอื้อ มีผู้บริโภคซื้อหามาก ผลตอบแทนก็จะสูงกว่ากองทุนที่กระจายลงทุนอยู่มาก แต่ถ้าเป็นช่วงที่ไม่ดี ผลตอบแทนก็จะลดลงอย่างมากหรือขาดทุนกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนที่มีการกระจายตัวมากกว่า
Sector Fund ที่เป็นกลุ่มพลังงาน
จะลงทุนในบริษัทน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน หรือแหล่งพลังงานอย่างอื่นได้ เหมาะกับการลงทุนที่เน้นการเติบโตในระยะยาว โดยเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ การใช้พลังงานก็จะมากขึ้น หรือแนวคิดที่เชื่อว่าพลังงานมีจำกัด กำไรของบริษัทเหล่านี้ในอนาคตจึงน่าจะสูงขึ้นเพราะต้องขายพลังงานในราคาที่แพงขึ้น
Sector Fund ที่เป็นกลุ่มสาธารณูปโภค
หรือที่เรียกว่า Utility Funds จะลงทุนในกลุ่มบริษัทไฟฟ้า ประปา เป็นต้น ซึ่งกิจการที่เกี่ยวกับ Utilities นี้โดยปกติจะมีหนี้จำนวนมากเพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงในโครงสร้างพื้นฐานของสาธารณูปโภค ผลกำไรของกิจการในกลุ่มนี้จึงมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย จึงให้ผลตอบแทนที่ดีเวลาอัตราดอกเบี้ยลดลงและเป็นขาลง
กองทุนกลุ่มนี้มักถูกออกแบบมาให้สามารถจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอให้ผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยงสูง แต่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากและพันธบัตร
กองทุนรวมกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หรือ Real Estate Funds
ก็จัดเป็น Sector Fund ประเภทหนึ่งได้เช่นกัน มีข้อดีสำหรับผู้ลงทุนที่มีเงินน้อย ไม่ได้เป็นร้อยเป็นพันล้าน เพราะทำให้สามารถเข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ได้ด้วยเงินจำนวนน้อย
โอกาสของการลงทุนคือการได้รับปันผลที่สม่ำเสมอ และมีโอกาสได้กำไรจากราคาในกระดานที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งสำหรับบ้านเรานั้นมักจะเน้นเรื่องปันผลมากกว่าเรื่องกำไรจากราคาในกระดานที่สูงขึ้น เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้ลงทุนขาใหญ่ๆ มักซื้อแล้วถือรอปันผลยาวๆ ไม่ขายออก ทำให้ราคาในกระดานมักมีส่วนลดจนต่ำกว่ามูลค่า NAV ของกองทุนด้วยซ้ำ
Sector Fund ที่เป็นกลุ่มสถาบันการเงิน
กลุ่มนี้ลงทุนในอุตสาหกรรมการเงิน เช่น ธนาคาร ประกัน บริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ เป็นต้น ซึ่งหุ้นในกลุ่มนี้จะเติบโตไปตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ / Urbanization / Demographic Change / กำลังซื้อ
ตัวอย่างเช่น เมื่อมีคนสูงอายุมากขึ้น หรือคนเริ่มสนใจเรื่องการคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น ก็จะทำให้กิจการประกันขายดี มีกำไรสูงขึ้นได้ หรือเมื่อคนบริโภคมากขึ้น ก็ต้องการใช้เงินมากขึ้น หุ้นกลุ่มธนาคารก็ได้โอกาสจากการปล่อยสินเชื่อ เป็นต้น
นอกจากนี้ หากมองที่วัฏจักรเศรษฐกิจแล้ว เมื่อเศรษฐกิจพ้นจุดต่ำสุด หุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน (Financials) มักจะฟื้นตัวก่อนอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นเร็วก่อนธุรกิจอื่นๆ เพราะตลาดหุ้นเป็นดัชนีชี้นำเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด โดยเมื่อตลาดหุ้นฟื้นตัว ธุรกิจที่จะได้ประโยชน์เต็มๆ ก็คือโบรกเกอร์หุ้น ตามมาด้วยธนาคารพาณิชย์ซึ่งจะมีผลประกอบการดีขึ้นจากกำไรในพอร์ตลงทุนของธนาคารเอง โดยเฉพาะจากการลงทุนในตราสารหนี้ซึ่งจะมีราคาสูงขึ้นจากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้
Sector Fund ที่เป็นกลุ่มสุขภาพ
Healthcare Sector Funds เป็นกองทุนที่ลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น บริษัทวิจัยยา กิจการค้ายารักษาโรคหรือบำรุงสุขภาพ สถานพยาบาล ไบโอเทค เป็นต้น
หุ้นกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมากเพราะคนชราจะมีจำนวนและสัดส่วนที่สูงขึ้น รวมถึงคนสมัยใหม่จะนิยมการบำรุงรักษาสุขภาพมากขึ้น
สำหรับโอกาสการลงทุนใน Sector Fund นั้น จะลงทุนในประเทศเดียว ในหลายๆ ประเทศ หรือลงทุนที่ไหนทั่วโลกก็ได้แล้วแต่นโยบายที่แต่ละกองทุนกำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวน ข้อดีคือมีโอกาสลงทุนในบริษัทที่หลากหลายในหลายๆ ประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันได้ มีตัวเลือกมากขึ้น และหลายๆ ครั้งหากประเทศนั้นๆ เศรษฐกิจไม่ดีหรือมีเหตุกาณ์ใดๆ เกิด แล้วทำให้ตลาดหุ้นตก หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราสนใจก็อาจมีราคาตกลงมามากเมื่อเทียบกับหุ้นที่คล้ายๆ กันในประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ Sector Fund ที่มีการกระจายการลงทุนไปทั่วโลกได้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในประเทศเดียวได้ด้วย
โดยทั่วไปแล้ว การลงทุนใน Sector Fund ที่ได้ผลดีจะต้องเป็นการลงทุนในระยะยาว 5-10 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้กลุ่มอุตสาหกรรมที่เราเลือกลงทุนนั้นได้ผ่านวงจรเศรษฐกิจจนครบวงจร หากลงทุนได้ต่ำกว่า 5 ปีจะมีความเสี่ยงสูงเกินไปจาก Market Risk
มีบางช่วงที่ Sector ใด Sector หนึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าได้ เช่นในช่วงที่ผ่านมานี้ กลุ่มสถาบันการเงินสามารถให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่า ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้ และสามารถจับจังหวะลงทุนตามวงจรเศรษฐกิจได้ดีก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าโดยไม่ต้องไปคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนเอง
อย่างไรก็ดี การแบ่งสัดส่วนเงินทั้งหมดไปลงทุนใน Sector Fund ประเภทใดประเภทหนึ่งมากไปก็ไม่แนะนำ เพราะหาก Sector นั้นโดนกระทบแรงๆ เราก็อาจขาดทุนได้มาก จึงควรจัดพอร์ตลงทุนที่กระจายเงินลงทุนไปในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ และช่วงไหนที่มองว่ากลุ่มใดจะมีศักยภาพดีก็เพิ่มน้ำหนักให้มากขึ้น โดยไปลดน้ำหนักกลุ่มที่คาดว่าจะมีแนวโน้มไม่ดีเท่า
