คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
โดยกองทุนบัวหลวง
ราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนแอตลอดช่วงปี 2556 และเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบระหว่าง $1,250-1,350/oz ตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ก.ย.-ต.ค.) ปัจจัยต่างๆ ที่เคยส่งผลบวกต่อบรรยากาศการลงทุนทองคำนั้นแม้จะยังคงมีอยู่ แต่มีแนวโน้มที่จะค่อยๆ ลดลง จึงไม่ส่งผลดีต่อทองคำ โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่
1. นโยบายอัดฉีดเศรษฐกิจของธนาคารกลาง - ขณะนี้ระบบการเงินโลกกำลังอยู่ท่ามกลางนโยบายอัดฉีดเม็ดเงินอย่างมาก จากนโยบาย QE3 ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และเม็ดเงินอัดฉีดจากธนาคารกลางญี่ปุ่น รวมทั้งการที่ธนาคารกลางเหล่านี้ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำมากอย่างต่อเนื่อง (ล่าสุดธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกจาก 0.50% เหลือ 0.25%) แต่ถึงแม้ว่านโยบายเหล่านี้จะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ แต่ราคาทองคำได้สะท้อนประเด็น ‘การมีอยู่’ ของนโยบายเหล่านี้ไปมากแล้ว ในทางกลับกัน แนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของประเทศพัฒนาแล้ว
โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีการฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสมากที่เฟดจะเริ่มลดปริมาณการทำ QE ซึ่งอาจจะเป็นช่วงไตรมาส 1/2557 อย่างไรก็ตาม นางเจนเนต เยลเลน ผู้จะมาเป็นประธาน FED คนใหม่ในปลายเดือน ม.ค. 2557 นั้น มีจุดยืนที่หนักแน่นชัดเจนว่าจะยังคงสนับสนุน QE ต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะพลิกฟื้นกลับมาอยู่ในระดับที่เชื่อมั่นได้ จึงต้องติดตามสัญญาณแนวทางการดำเนินนโยบายของนางเยลเลนอย่างใกล้ชิด
การที่ราคาทองคำไม่ตอบรับการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้มากเท่ากับในอดีต น่าจะเป็นเพราะผลของการใช้นโยบายเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอย่างที่คาด ดังนั้น ถึง FED จะยังคงการใช้ QE อยู่ แต่บทบาทของนโยบายอัดฉีดเศรษฐกิจที่มีผลต่อราคาทองคำน่าจะค่อยๆ ลดน้อยลง
2. อัตราเงินเฟ้อ - สำหรับปี 2557 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวล ด้วยเศรษฐกิจโลกนั้นไม่ได้ฟื้นตัวแรงและนโยบายอัดฉีดเม็ดเงินก็ไม่ได้ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อเท่าใดนัก ดังนั้น ภาพรวมอัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจึงน่าจะอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งธนาคารกลางทุกแห่งที่ใช้นโยบายอัดฉีดเม็ดเงินก็ประกาศชัดเจนว่าต้องการควบคุมให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับไม่สูงจนเกินไป และหากมีทีท่าว่าจะเร่งตัวขึ้นก็จะหยุดใช้มาตรการอัดฉีดเงินทันที ประเด็นเรื่องเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นมากจึงไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ ราคาทองคำไม่น่าจะได้รับปัจจัยบวกจากประเด็นเงินเฟ้อในระยะสั้นนี้
3. ปัญหาขาดดุลการคลังและหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ รวมทั้งประเทศยูโรโซน น่าจะเป็นปัจจัยบวกระยะยาวสำหรับทองคำ เนื่องจากปัญหาดังกล่าวคงจะไม่คลี่คลายลงได้ในเร็ววัน อีกทั้งการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในช่วงไตรมาส 1/2557 อาจจะเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นสำหรับทองคำได้ อย่างไรก็ตาม ต้องอย่าลืมว่าประเด็นปัญหาขาดดุลการคลังนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ จึงอาจจะไม่ได้ส่งผลให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นได้มากในระยะเวลาสั้นๆ นอกจากนี้ ระดับการขาดดุลการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ นั้นได้ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา ส่วนเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนนั้นได้ส่งสัญญาณที่ดีขึ้น ดังนั้น ระดับความกังวลต่อประเด็นปัญหาหนี้สาธารณะจึงลดน้อยลง
World Gold Council ได้รายงานความต้องการทองคำใน Q3/2556 อยู่ที่ 868.5 ตัน ลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักเนื่องจาก
- กองทุน ETF ทองคำได้ลดการถือทองคำลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2556 เนื่องจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มลดระดับปริมาณเงิน QE ลง ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/56 กองทุน ETF ทั่วโลกได้ลดการขายทองคำลง จาก 402 ตัน (ไตรมาส 2/56) เป็น 118 ตัน
- ภาคธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ได้ชะลอการซื้อทองคำลง
- ความต้องการจากอินเดียลดลง 23% y-y เนื่องจากภาครัฐมีการใช้มาตรการลดการนำเข้าทองคำนับตั้งแต่ต้นปี 2556 เพื่อลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งมาตรการต่างๆ เช่น เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าทองคำ ห้ามไม่ให้นำเข้าเหรียญทองคำ และกำหนดให้ผู้นำเข้าทองคำต้องส่งออกทองคำปริมาณ 20% ของที่นำเข้ามา จึงจะสามารถนำเข้าเพิ่มเติมได้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ความต้องการทองคำด้าน Jewelry ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากราคาทองคำที่ต่ำลง ทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อได้มากขึ้น ซึ่งความต้องการด้าน Jewelry ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน
สรุป เมื่อพิจารณาโดยภาพรวมของปัจจัยต่างๆ ของทองคำ จะเห็นว่าปัจจัยที่เคยส่งผลบวกต่อราคาทองคำกำลังมีน้ำหนักน้อยลง และน่าจะยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามา ดังนั้น ประเด็นการลงทุนในทองคำสำหรับช่วงนี้จึงควรเป็นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของ Portfolio เป็นหลัก ด้วยการกระจายสัดส่วนไปถือทองคำบ้างเพื่อป้องกันความไม่แน่นอนของโลกการเงินในอนาคต โดยต้องมองกรอบลงทุนในระยะยาวเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะมีผลต่อราคาทองคำในปีหน้า คือ ทิศทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ส่วนในระยะยาวนั้น ปัจจัยที่จะส่งผลให้ทองคำมีราคาพุ่งขึ้นคือ ความสำคัญของดอลลาร์สหรัฐที่จะลดลงไป เพราะจีนกำลังนำหยวนเข้ามาในตลาดเงินตราโลก เพื่อทำการค้าขายแลกเปลี่ยนโดยใช้เงินหยวนกับเงินสกุลท้องถิ่นของประเทศคู่ค้าโดยตรงโดยไม่ผ่านดอลลาร์อีกต่อไป