xs
xsm
sm
md
lg

ฟันธงปีหน้าหุ้นเอเชียเหนือดี แนะเลือกตามกลุ่มอุตสาหกรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กูรูตลาดหุ้นเอเชียฟันธงปีหน้าหุ้นเอเชียเป็นพระเอกสร้างผลตอบแทน แต่แนะใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นตามกลุ่มอุตสาหกรรมเหมาะกว่าลงทุนเพื่อเกาะดัชนี ระบุให้น้ำหนักเอเชียเหนือทั้งจีน เกาหลี และไต้หวัน มากกว่าเอเชียใต้ เหตุได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว ส่วนเอเชียใต้อาจซึมหากเงินทุนต่างชาติไหลออก

นายโรนัลด์ ชาน หัวหน้าส่วนการลงทุนตราสารทุนภูมิภาคเอเชีย Manulife Asset Management บริษัทแม่ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในปีหน้า (2557) ตลาดหุ้นของทวีปเอเชียน่าจะกลับมาโดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่น และประเทศพัฒนาแล้ว หลังจากในปีนี้ประเทศเอเชียมีปัญหาด้านต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าในปีหน้าปัญหานี้จะลดลง

“ปีนี้ถือเป็นปีแห่งการฟื้นตัวของตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว ในขณะที่ตลาดเอเชียผลดำเนินงานด้อยกว่า แต่ปีหน้าเงินจะกลับเข้ามาในตลาดเอเชียอีกครั้ง เงินที่เคยลงทุนในประเทศพัฒนาแล้วจะมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในเอเชียอีกครั้ง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของประเทศในภูมิภาคเอเชียดี ประกอบกับราคาหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วปรับเพิ่มขึ้นไปมากแล้ว” นายโรนัลด์กล่าว

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำเป็นต้องเลือกหุ้นที่ดีเพื่อทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของแต่ละประเทศ กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ โดยการลงทุนของกองทุนที่มีสไตล์ต่างกันจะให้ผลตอบแทนต่างกัน ซึ่งการลงทุนตามดัชนี หรือเกาะดัชนีไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีสำหรับปีหน้า

นายโรนัลด์ กล่าวอีกว่า Manulife Global Fund-Asian Small Cap Equity Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เอเชียน สมอลแคป อิควิตี้ เอฟไอเอฟ ที่มีนโยบายลงทุนหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ให้น้ำหนักลงทุนหุ้นในประเทศเอเชียเหนือ ได้แก่ จีน เกาหลี และไต้หวัน มากกว่าเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย และกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจากกลุ่มประเทศเอเชียเหนือจะได้ผลดีจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ประชาชนมีการบริโภคมากขึ้น เพราะประเทศเหล่านี้เป็นผู้ผลิตสินค้าส่งออก ทำให้ภาคการส่งออกปรับตัวดีขึ้น

ในขณะที่ประเทศในอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมามีเงินทุนไหลเข้ามาจำนวนมากจะได้รับผลกระทบทันทีหากเงินทุนต่างชาติไหลออกไป ประกอบกับการปรับดอกเบี้ยขึ้นจะทำให้การบริโภคลดลง และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงด้วย ดังนั้นจึงลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

“หุ้นจีนเพิ่มขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ราคาต่อกำไร (พี/อี) ยังอยู่ที่ 8 เท่า ขณะที่ในอดีตเฉลี่ยอยู่ที่ 15 เท่า และใน 2-3 ปีข้างหน้ามีโอกาสที่จะขึ้นไปอยู่ที่ 12 เท่า และเมื่อจีนดีเอเชียก็จะดีตามไปด้วย” นายโรนัลด์กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น