xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.วรรณแนะกระจายพอร์ตลงทุนหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.วรรณแนะกระจายลงทุนหุ้นต่างประเทศ หลังตลาดไทยและภูมิภาคปรับตัวลง นักลงทุนปรับพอร์ตไปประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่นที่ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนสูง

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ.วรรณ จำกัด รายงานภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนว่า ในช่วงนี้ภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะกลุ่มไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ หรือที่รู้จักกันในนามกลุ่ม TIPs มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมาจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากมีการทยอยปรับพอร์ตการลงทุนไปลงทุนในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา และยูโรโซนมากขึ้น หลังจากที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศดังกล่าวเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างโดดเด่น อันส่งผลให้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยและอินโดนีเซียปรับตัวลดลงติดลบกว่า 0.5% และ 2.9% ตามลำดับ ขณะที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวมากขึ้น หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นนำโดยนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงิน การคลังไปแล้วบางส่วน และเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนเพื่อเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้อย่างเด่นชัด จนทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นปีถึง 9 ก.ย. 56 ให้ผลตอบแทนถึง 38.1%

    ทั้งนี้ หากประเมินจากเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยขณะนี้ มองว่านักลงทุนควรจะมีการกระจายการลงทุนบางส่วนในตลาดต่างประเทศ เช่นตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากตั้งแต่ต้นปี 2556 เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มมีความชัดเจนด้านการขยายตัวเมื่อเทียบกับในช่วงที่ผ่านมาทั้งจีดีพีและอัตราเงินเฟ้อซึ่งเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจที่บ่งชี้ได้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นน่าจะมีโอกาสเติบโตได้ตามเป้าหมายอย่างที่ทางการญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พรรค LDP ของนายชินโสะ อาเบะได้ครองเสียงข้างมากในสภาบน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการผลักดันนโยบายของทางการญี่ปุ่นในเชิงนโยบายที่จะสามารถดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงภาคนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะดำเนินไปได้สอดคล้องกันเพื่อทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเพื่อเป็นการกระตุ้นการส่งออกของญี่ปุ่นอีกทางหนึ่ง

    ขณะที่ตัวแปรสำคัญของนโยบายต่อไปของญี่ปุ่นคือ การสร้างเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้มีความแข็งแกร่ง ทั้งในด้านการปฏิรูปด้านแรงงานผ่านการปรับเพิ่มค่าจ้างแรงงานและโบนัส รวมถึงการส่งเสริมการจ้างแรงงานหญิงและพัฒนาเขตเศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าการลงทุนผ่านการเข้าร่วม TPP และ FTAs เพื่อกระตุ้นการลงทุนทางตรงระหว่างประเทศและเพิ่มมูลค่าการค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการหนุนเศรษฐกิจญี่ปุ่นในระยะยาว หลังจากที่ได้ดำเนินการใช้นโยบายการเงินและการคลัง อันจะนำมาซึ่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นในท้ายที่สุด

    ส่วนดัชนี NIKKEI ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ปรับตัวสูงเกินไปอย่างในช่วงต้นปีและไม่ได้ต่ำมากจนเกินไปจนสะท้อนภาพเชิงลบ โดยแนวโน้มค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงสามารถปรับตัวอยู่ที่ระดับ 100 เยนต่อดอลลาร์ ก็จะทำให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่นมีกำไรต่อหุ้น (EPS) ขยายตัวกว่า 45.2% ขณะที่มูลค่าหุ้นต่อบัญชี (PBV) ในปัจจุบันของญี่ปุ่นในปีนี้และปีหน้า กล่าวคืออยู่ที่ 1.47 และ 1.38 เท่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียที่ 1.79 และ 1.64 เท่าตามลำดับ ซึ่งคาดว่าในระยะสั้นดัชนี NIKKEI น่าจะมีโอกาสแตะที่ระดับ 16,000 จุด และระยะกลางมีโอกาสแตะที่ระดับ 18,300 จุด ทำให้ประเมินว่าระดับดัชนีที่น่าลงทุนอยู่ที่ช่วง 13,900-14,200 จุด โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงเป็นหลัก ตัวอย่างเช่นกลุ่มยานยนต์และขนส่ง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก

    ทั้งนี้ บลจ.วรรณมีการเสนอขายกองทุนเปิด วรรณ เจแปน ฟันด์ (ONE-JAPAN) เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่ประสงค์จะลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น (Tokyo Stock Exchange)  โดยกองทุนนี้เน้นการบริหารจัดการที่มีความยืดหยุ่นและการคัดเลือกหุ้นปัจจัยพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการ โดยเน้นบริษัทขนาดใหญ่และมีการป้องกันความเสี่ยงอย่างน้อย 90% ของมูลค่าเงินลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และมีจุดแข็งการลงทุนในต่างประเทศในด้านความร่วมมือกับสถาบันการเงินต่างประเทศที่หลากหลาย ซึ่งเป็นผลดีต่อการลงทุนของ ONE-JAPAN ในด้านข้อมูลการวิเคราะห์หลักทรัพย์และการคัดเลือกหลักทรัพย์จากสถาบันการเงินชั้นนำ ตัวอย่างเช่น บริษัทหลักทรัพย์ LGT และ Nomura ซึ่งช่วยให้ผู้จัดการกองทุนสามารถบริหารการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น