ทิสโก้ เวลธ์ แนะผู้ลงทุนหันกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวโดดเด่น คาดเป็นตลาดหุ้นที่สร้างกำไรให้นักลงทุนดีที่สุดในปีนี้ ล่าสุด บลจ.ทิสโก้เตรียมเปิดเสนอขายกองทริกเกอร์ฟันด์ “เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ #1” ลุยลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตั้งเป้ากำไร 8% ใน 8 เดือน ไอพีโอ 11-19 พ.ย.นี้
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) บริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนครบวงจรจากทิสโก้ ประเมินว่า จากความไม่ชัดเจนทางการเมืองที่เกิดขึ้นประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจของไทยโตต่ำกว่าคาด หากปัญหาการเมืองของไทยยังยืดเยื้อและคลุมเครือ อาจส่งผลกระทบเศรษฐกิจไม่โตตามคาดและลากยาวถึงปีหน้าแน่นอน ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมจึงแนะผู้ลงทุนกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ด้วยนโยบายธนูสามดอก (Three arrows) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นออกจากสภาวะถดถอย ล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น และบริษัทญี่ปุ่นเริ่มมีกำไรเหตุยอดขายโตจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า ส่งผลให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ทั้งนี้ เรามองว่าปีนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นถือเป็นตลาดที่ทำกำไรให้นักลงทุนดีที่สุดในโลก โดยดัชนี Nikkei 225 ที่เพิ่มขึ้นกว่า 37% นับตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่หุ้นไทยแทบไม่ไปไหน อย่างไรก็ดี จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ตั้งธงไว้ว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจของตนอีกเกือบ 2 ปีที่เหลือ ทิสโก้ เวลธ์จึงมองว่าดัชนีราคาหุ้นญี่ปุ่นมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปได้ โดยดูจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี (Price to Book) ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1.4-1.5 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นโลก (MSCI World Index) ที่มีตลาดขนาดใหญ่ซึ่งพัฒนาแล้วเช่นสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งอยู่ที่ 1.7 เท่า ดังนั้น หากพิจารณาว่าอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี (Price to Book) ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นมาซื้อขายในระดับค่าเฉลี่ยก็ยังมีโอกาสที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 20% จากระดับปัจจุบัน
นอกจากนี้ หากมองเม็ดเงินลงทุนจะเห็นว่าเงินลงทุนหรือฟันด์โฟลว์ส่วนใหญ่เริ่มไหลเข้าสู่ตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรปในบางประเทศ เป็นต้น เนื่องจากนักลงทุนมองปีหน้าเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มนี้น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากสหรัฐฯ เองก็เริ่มคิดที่จะชะลอการอัดฉีดสภาพคล่องหรือคิวอี หากการจ้างงานฟื้นตัวต่อเนื่อง ดังนั้นเม็ดเงินลงทุนที่ไหลบ่าออกมาลงทุนในตลาดเกิดใหม่ทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรน่าจะไหลกลับออกไปอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
นายสาห์รัช กล่าวต่อไปว่า จากความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ทาง บลจ.ทิสโก้จึงเตรียมเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ #1 โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Nikkei 225 Exchange Traded Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี Nikkei 225 และหุ้นที่กำลังจะมาเป็นส่วนประกอบของดัชนี Nikkei 225 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของดัชนี Nikkei 225
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ #1 มีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน หรือสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% หรือมีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) มากกว่าหรือเท่ากับ 10.80 บาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เปิดเสนอขาย (ไอพีโอ) ตั้งแต่ 11-19 พ.ย. 56 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท