บลจ.ทหารไทย ชี้ ปัญหาซีเรียดันราคาน้ำมันขึ้น กองทุน "ทหารไทย ออยล์ ฟันด์" รับผลตอบแทน 2 เด้งจากราคาน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยน แนะลงทุนน้ำมันระยะสั้นไม่ควรลงทุนยาว
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า จากปัญหาในตะวันออกลาง ในเรื่องการจะเกิดสงครามระหว่างสรัฐฯและซีเรียนั้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูง ทำให้ต้องจับตาดู แต่หากไม่เกิดสงครามขึ้นก็เชื่อว่าราคาน้ำมันน่าจะปรับตัวลดลงไปสู่ระดับปกติก่อนหน้า
ทั้งนี้กองทุนเปิดทหารไทย ออยล์ ฟันด์ ในปีนี้ให้ผลตอบแทนที่สูง จากสาเหตุ 2 ปัจจัยหลักได้แก่ ราคาอีทีเอฟในกองทุนต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น และขณะเดียวกันมาจากการที่ค่าเงินบาทในปีนี้อ่อนค่าลงมาในช่วงต้นปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวนี้ลงทุนในต่างประเทศและไม่ได้ปิดความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นกองทุนจึงได้รับผลตอบแทนจากทั้ง 2 ทาง
"ตอนนี้สถานการณ์ของประเทศซีเรียเป็นที่น่าจับตามองเพราะอาจทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันที่ระดับ 110 เหรียญฯ ก็ถือว่าสูงแล้ว แต่อย่างไรก็ตามจะเป็นในช่วงระยะสั้นเท่านั้น ดังนั้น หากลงทุนในน้ำมันจึงควรลงทุนในระยะสั้นๆเท่านั้น ไม่ควรลงทุนระยะยาว" นายไพศาล กล่าว
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย ออยล์ ฟันด์ ล่าสุด ณ วันที่ 6 ก.ย. 2556 กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนรอยุ่ที่ 14.09% เทียบกับดัชนีDeutsche Bank Liquid Commodity Index (สกุลเงินบาท) อยู่ที่ 14.43% และย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 18.55% เทียบกับดัชนีอยู่ที่ 19.66%
โดยกองทุนกองทุนเปิดทหารไทย ออยล์ ฟันด์ กองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน PowerShares DB Oil Fund ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นกองทุนรวมอีทีเอฟ ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange : NYSE Arca) ที่มีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) เพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Deutsche Bank Liquid Commodity Index - Optimum Yield Crude Oil Excess Return ซึ่งเป็นดัชนีที่มุ่งสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) กองทุนดังกล่าวบริหารจัดการโดย DB Commodity Services, LLC
