บลจ.ยูโอบีเผยตัวเลขขายบ้านสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นสะท้อนการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่ยุโรป เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นจากการลดงบประมาณของแต่ละประเทศ ส่งผลต่อปัจจัยบวกการลงทุน ระบุเลิกมาตรการคิวอี-คุมอสังหาฯ ในจีนยังกดดันเศรษฐกิจโลก
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บลจ.ยูโอบี จำกัด รายงานภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศที่น่าสนใจว่า ตัวเลขยอดขายบ้านของสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวดีขึ้นกว่าคาดการณ์อย่างต่อเนื่องในหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ยืนยันถึงการฟื้นตัวที่เร่งตัวขึ้นของภาคอสังหาฯ และยังคงถือเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขับเคลื่อนการเติบโตของ GDP สหรัฐฯ ในปีนี้
ขณะที่สมาชิกธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันในมุมมองเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง โดยผลการประชุมในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา สมาชิกส่วนใหญ่เริ่มมีการมองถึงข้อเสียของการดำเนินนโยบายทางการเงินในปัจจุบันที่จะเป็นภาระหนี้สินในอนาคต และอาจมากกว่าผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งผลการประชุมล่าสุดนั้นได้ยิ่งเป็นการเพิ่มความกังวลของตลาดต่อการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสที่จะหยุดหรือเริ่มมีการถอยจากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องทางการเงินก่อนสิ้นปีนี้ และได้ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นกว่า 1.1% และราคาทองคำปรับตัวลดลงกว่า 1.8% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เฮดจ์ฟันด์และนักเก็งกำไรมีการเทขายฟิวเจอร์ในสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหมด โดยเฉพาะฟิวเจอร์ทองคำ ซึ่งตัวเลขการถือครองสถานะฟิวเจอร์ของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการชี้วัดมุมมองในระยะกลางของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อการเคลื่อนย้ายของเงินทุนในตลาดโลกเข้าและออกในแต่ละประเภทสินทรัพย์ และตลาดการเงินในประเทศต่างๆ ซึ่งจากความกังวลต่อการหยุดมาตรการทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ความไม่มีเสถียรภาพในจัดการจัดตั้งรัฐบาลของอิตาลี และการกลับมาควบคุมสินเชื่อ และราคาอสังหาฯ ของรัฐบาลและธนาคารกลางจีน ถือเป็นความเสี่ยงที่มีผลเชิงลบต่อภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และทำให้กลุ่มเฮดจ์ฟันด์มีการเทขายสินค้าโภคภัณฑ์อย่างมากในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านเศรษฐกิจของยูโรโซนอยู่ในภาวะที่ดีขึ้นกว่า 12 เดือนที่แล้ว จากความพยายามในการปรับดุลงบประมาณของรัฐบาลในแต่ละประเทศ ในขณะที่ธนาคารพาณิชย์ของเยอรมนีลดปริมาณการใช้เงินกู้ฉุกเฉินจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ลงราว 1 ใน 3 ในเดือน ม.ค. เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. ซึ่งแนวโน้มเชิงบวกของธนาคารกลางยุโรป และการที่ธนาคารเริ่มนำวงเงินกู้ฉุกเฉินมาคืนเป็นจำนวนมากสะท้อนถึงความเสี่ยงในระบบการเงินที่ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากในยุโรปจากภาวะวิกฤตในปีที่ผ่านมา และถือเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการลงทุนโดยรวม