บางกอกแลนด์ประเดิมรายแรก จับมือกสิกรไทย/เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ออกกองรีทส์ มูลค่าร่วม 20,000 ล้านบาท ลงทุนทรัพย์สินศูนย์จัดการแสดงอิมแพค อารีน่า พร้อมแผนลงทุนเพิ่มเติม ตั้งเป้ารายได้ 2,500 ล้านบาท เผยเตรียมเปิดขายไตรมาส 4 นี้
นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นคำขอจัดตั้งของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) อิมแพ็คโกรท มูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท มีธนาคารกสิกรไทย จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาและผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วม โดยเหตุที่ต้องการลงทุนในกองทรัสต์แทนการลงทุนในรูปแบบกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบเดิมนั้นเนื่องจากต้องการมีส่วนในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ครึ่งหนึ่ง (50% ตามข้อบังคับของ REIT) เพราะถือเป็นธุรกิจสำคัญของบริษัทบางกอกแลนด์ ซึ่งไม่ต้องการที่จะขายออกไปทั้งหมด อีกทั้งบริษัทไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ทำให้มีรายได้สูงและสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนได้มาก
โดยปัจจุบันสินทรัพย์ของอิมแพคมีมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท มีขนาดเนื้อที่ 140,000 ตารางเมตร บริษัทจึงเตรียมที่จะขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ที่เหลือ อิมแพค 2 โดยเป็นการลงทุนเพิ่มเติมในศูนย์แสดงสินค้า พื้นที่จัดการแสดง ศูนย์ประชุม ร้านอาหาร โรงแรม ทำให้จะมีสินทรัพย์เข้ามาในธุรกิจของบริษัทอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ใช้เวลาประมาณ 2 ปี งบประมาณก่อสร้างประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสดที่บริษัทมีพร้อมอยู่แล้ว
“ดังนั้น การเข้าลงทุนใน REIT จึงเป็นการขยายการลงทุนที่รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยและในภูมิภาค และสร้างความมั่นใจแก่ผู้ลงทุนในการบริหารงานของโครงการ ซึ่งในปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ประมาณ 2,500 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าปีหน้าก็จะมีรายได้ที่ใกล้เคียงกันคือ 2,500-2,600 ล้านบาท และหลังจากโครงการอิมแพค 2 แล้วเสร็จคาดว่าน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว”
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากธุรกิจท่องที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศที่จะต้องมีการเติบโตแบบยั่งยืน การออกกองทุน REIT กองนี้จึงเป็นการรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และตอบโจทย์การเติบโตของการลงทุนที่มีความน่าสนใจ จากการบริหารงานของอิมแพคที่ดีในเรื่องพื้นที่ที่รองรับการเติบโตที่สูง นักลงทุนจึงสามารถมีความมั่นใจในการเติบโตและผลตอบแทนจากเงินปันผลและส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน
ในฐานะที่แบงก์กสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ปฏิบัติหน้าที่เป็นทรัสตี้ให้แก่กองทรัสต์อิมแพ็คโกรท คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ กองทุนรีทอิมแพ็คโกรทจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาวและสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งกองนี้จะเปิดขายให้แก่ผู้ลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในภาวะการลงทุนปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนมากขึ้นและได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์อิมแพ็คโกรทเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์น่าจะสร้างผลตอบแทนในระยะยาวในระดับที่ดีให้แก่ผู้ลงทุนระยะยาว และน่าจะเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นในต่างประเทศมีความผันผวนค่อนข้างสูงจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของอเมริกา ยุโรป จีน และประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลก”
นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND กล่าวว่า บริษัทได้ยื่นคำขอจัดตั้งของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) อิมแพ็คโกรท มูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท มีธนาคารกสิกรไทย จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาและผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วม โดยเหตุที่ต้องการลงทุนในกองทรัสต์แทนการลงทุนในรูปแบบกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบเดิมนั้นเนื่องจากต้องการมีส่วนในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ครึ่งหนึ่ง (50% ตามข้อบังคับของ REIT) เพราะถือเป็นธุรกิจสำคัญของบริษัทบางกอกแลนด์ ซึ่งไม่ต้องการที่จะขายออกไปทั้งหมด อีกทั้งบริษัทไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ทำให้มีรายได้สูงและสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนได้มาก
โดยปัจจุบันสินทรัพย์ของอิมแพคมีมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท มีขนาดเนื้อที่ 140,000 ตารางเมตร บริษัทจึงเตรียมที่จะขยายการลงทุนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ที่เหลือ อิมแพค 2 โดยเป็นการลงทุนเพิ่มเติมในศูนย์แสดงสินค้า พื้นที่จัดการแสดง ศูนย์ประชุม ร้านอาหาร โรงแรม ทำให้จะมีสินทรัพย์เข้ามาในธุรกิจของบริษัทอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า ใช้เวลาประมาณ 2 ปี งบประมาณก่อสร้างประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสดที่บริษัทมีพร้อมอยู่แล้ว
“ดังนั้น การเข้าลงทุนใน REIT จึงเป็นการขยายการลงทุนที่รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยและในภูมิภาค และสร้างความมั่นใจแก่ผู้ลงทุนในการบริหารงานของโครงการ ซึ่งในปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ประมาณ 2,500 ล้านบาท และตั้งเป้าว่าปีหน้าก็จะมีรายได้ที่ใกล้เคียงกันคือ 2,500-2,600 ล้านบาท และหลังจากโครงการอิมแพค 2 แล้วเสร็จคาดว่าน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว”
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากธุรกิจท่องที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศที่จะต้องมีการเติบโตแบบยั่งยืน การออกกองทุน REIT กองนี้จึงเป็นการรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และตอบโจทย์การเติบโตของการลงทุนที่มีความน่าสนใจ จากการบริหารงานของอิมแพคที่ดีในเรื่องพื้นที่ที่รองรับการเติบโตที่สูง นักลงทุนจึงสามารถมีความมั่นใจในการเติบโตและผลตอบแทนจากเงินปันผลและส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน
ในฐานะที่แบงก์กสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ปฏิบัติหน้าที่เป็นทรัสตี้ให้แก่กองทรัสต์อิมแพ็คโกรท คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ กองทุนรีทอิมแพ็คโกรทจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่ให้ผลตอบแทนดีในระยะยาวและสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งกองนี้จะเปิดขายให้แก่ผู้ลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในภาวะการลงทุนปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนมากขึ้นและได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์อิมแพ็คโกรทเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์น่าจะสร้างผลตอบแทนในระยะยาวในระดับที่ดีให้แก่ผู้ลงทุนระยะยาว และน่าจะเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นในต่างประเทศมีความผันผวนค่อนข้างสูงจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของอเมริกา ยุโรป จีน และประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลก”
