ฟินันซ่า ปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังทำตลาดหุ้น บอนด์แกว่งตัว มองอุตสาหกรรมกองทุนครึ่งปีหลังอาจไม่โตมาก เม็ดเงินส่วนใหญ่จะเข้าลงทุนกองเทอมฟันด์ อสังหาฯ และกองทุนส่วนบุคคลต่อ
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ค่อนข้างจะมีความผันผวนจากเรื่องการลด QE ของสหรัฐฯ ที่จะลดการซื้อพันธบัตรของเฟดลง แต่ก็ยังคงใช้อยู่เพราะอัตราการว่างงานยังลดไม่ถึงเป้าที่ระดับ 6% ซึ่งจะมีผลต่อทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้เกิดความผันผวน โดยตลาดหุ้นไทยน่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับประมาณ 1,500 จุด เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างนิ่งแล้ว ตลาดจึงน่าจะมีการเคลื่อนไหวแบบด้านข้าง (Side Way)
ขณะที่เศรษฐกิจจีน จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะโตที่ระดับสูง แต่รัฐบาลจีนนั้นต้องการเติบโตที่ระดับ 7% เท่านั้นเพื่อแก้ปัญหาสังคมให้เศรษฐกิจมีการเติบโตแบบยั่งยืน เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการบริโภคในประเทศเป็นหลัก ส่วนยุโรปต้องติดตามเรื่องการเลือกตั้งของประเทศเยอรมนี รวมถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจ เพราะเริ่มมีความเห็นขัดแย้งในเรื่องที่เข้าไปช่วยเหลือประเทศในยุโรปที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ
“โดยรวมแล้วในช่วงครึ่งปีหลังนี้ไม่น่าจะมีเงินร้อนเข้ามาในตลาดมาก ทำให้ค่าเงินบาทจะอยู่ที่ระดับ 31 บาท ส่วนจีดีพีไทยเติบโตที่ระดับ 4% และบริษัทจดทะเบียนมีกำไรเติบโตประมาณ 20%”
นายธีรพันธุ์ ยังกล่าวว่า สำหรับอุตสาหกรรมกองทุนรวมในช่วงครึ่งปีหลังไม่น่าจะเติบโตสูงมากเพราะหุ้นที่เริ่มปรับตัวลง กองทุนรวมจะมีการเติบโตมาจากการออกกองทุนประเภทเทอมฟันด์ กองทุนอสังหาฯ และกองทุนส่วนบุคคล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังสินทรัพย์ที่น่าสนใจยังเป็นกองทุนหุ้นปันผลที่ยังสามารถจ่ายปันผลได้ดีในช่วงที่หุ้นไม่ได้ปรับตัวแรงมาก รวมถึงกองทุนอสังหาฯ ที่ให้ผลตอบแทนดี ที่ว่า บลจ.ต่างๆ จะออกมามาก รวมถึงกองทุนประเภทโครงสร้างพื้นฐาน เช่น บริษัททรู ที่กำลังรออนุมัติจาก ก.ล.ต.อยู่ในขณะนี้
“หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจยังเป็นกลุ่มบริโภคในประเทศ อสังหาฯ ขณะที่กลุ่มแบงก์เริ่มไม่เด่นมาก เช่นเดียวกับกลุ่มพลังงานที่ยังทรงตัว แนะนำให้จัดพอร์ตลงทุน โดยเน้นไปที่กองทุนหุ้นประมาณ 50% ทั้งหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ลงทุนในกองทุนตลาดเงินประมาณ 40% และกองทุนอสังหาฯ ประมาณ 10 %”
