บลจ.ไม่หวั่นตลาดหุ้นผันผวน ลุยออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ดักทำกำไรช่วงหุ้นตก มั่นใจไตรมาส 3 เห็น 1,600 จุด ด้าน บลจ.โซลาลิสเร่งออก “โซลาริส มิสไซล์ 8 อาร์ที” อายุ 8 เดือน ตั้งเป้าผลตอบแทน 8% ขณะที่ บลจ.กสิกรไทยเข็น “เค ไทย เฟล็กซิเบิล อิควิตี้ ทริกเกอร์ 2” ตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 7% ภาย 1 ปี เน้นลงทุนหุ้นในประเทศ
นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยถึงแม้จะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ แต่บริษัทเชื่อว่าดัชนีหุ้นไทยในปีนี้น่าจะปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,570 จากปัจจัยพื้นฐานของหุ้นไทยที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนอยู่ในเกณฑ์ดี
ส่วนการที่หุ้นไทยปรับตัวลดลงครั้งนี้ทำให้ระดับราคาหุ้นไทยอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลมากขึ้น และคาดว่าแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทจะเป็นตัวกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตได้ดี จึงนับว่าเป็นจังหวะที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากตลาดหุ้นไทยในอนาคต
โดยล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิล อิควิตี้ ทริกเกอร์ 2 ในวันที่ 17-19 มิถุนายน 2556 นี้ โดยกองทุนดังกล่าวมีมูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท เน้นการลงทุนหุ้นในประเทศที่มีพื้นฐานดี โดยกองทุนมีเป้าหมายผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ 7% ภายในระยะเวลา 1 ปี พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรับผลตอบแทน 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.35 บาทต่อหน่วย หรือเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 3.5% และครั้งที่ 2 จะรับซื้อคืนโดยอัตโนมัติเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.70 บาท
“แนวโน้มหุ้นไทยขณะนี้นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมของเฟด และคาดว่าในวันที่ 18-19 มิ.ย.นี้ผลที่ออกมาคงยังไม่ได้มีการส่งสัญญาณการปรับลดเม็ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็น่าจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้ง”
ด้าน นายสุรเชษฐ์ ศรีวัฒนากุลวงศ์ ผู้จัดการกองทุนตราสารทุนและผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) โซลาริส จำกัด เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงของหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรสทุธิที่ดี โดยปัจจุบันหุ้นไทยซื้อขายที่ P/E ที่ 12.5 เท่า ต่ำกว่าระดับสูงสุดของปีที่เคยทำไว้ที่ 14.5 เท่า หรือดัชนีอยู่ที่ประมาณ 1,650 จุด ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดยังคงเป้าดัชนีไว้ที่ระดับ 1,720 จุด ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีอัปไซด์เหลืออยู่ประมาณ 15% ซึ่งแตกต่างจากช่วงก่อนหน้าที่ดัชนีหุ้นไทยยืนอยู่บริเวณ 1,650 จุดซึ่งมีอัปไซด์เหลืออยู่ค่อนข้างน้อย
โดยเราประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ 1,764 จุด และในอีก 8 เดือนข้างหน้าหุ้นไทยจะอยู่ที่ 1,676 จุด โดยในระยะสั้นจะเห็นดัชนีที่ 1,600 จุดในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
“เรามองว่าการยกเลิกมาตรการ QE3 จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยบ้างแต่ไม่มากหากเทียบกับอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เพราะนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดซื้อหุ้นไทยสะสมนั้นไม่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับภูมิภาค”
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการจับจังหวะการลงทุนในปัจจุบัน บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนโซลาริส มิสไซล์ 8 อาร์ที อายุโครงการ 8 เดือน ตั้งเป้าผลตอบแทนประมาณ 8% เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีศักยภาพในการเติบโต มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 18-20 มิถุนายนนี้ โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นการบริหารแบบเชิงรุก เน้นการคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรสูง มีโอกาสปรับขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันพบว่าหุ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งในกลุ่มหลักทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้ของผู้จัดการกองทุนมีอัปไซด์สูงถึง 20% ทำให้มีโอกาสคัดเลือกหุ้นที่ดีเพื่อลงทุนให้ได้ตามเป้าหมายได้
