อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จับมือ บลจ.กสิกรไทยจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท หวังเป็นทางเลือกให้นักลงทุน เริ่มไอพีโอต้นเดือนกรกฎาคมนี้
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า เราได้ทำการเซ็นสัญญากับอีแกทอีกประมาณ 15 โรง ซึ่งบริษัทได้สร้างอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ซึ่งขณะนี้มีโรงงานที่ผลิตกำลังไฟฟ้าอยู่ 3 โรง และกำลังจะเริ่มผลิตที่จังหวัดระยองอีก 400 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันอีก 3 เดือนข้างหน้านี้เตรียมที่จะผลิตอีก 300 เมกะวัตต์ ซึ่งทุกโรงไฟฟ้าจะอยู่ในนิคมอมตะนคร อมตะซิตี้ และยังมีพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย
ล่าสุดบริษัทเตรียมจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ หรือ ABPIF โดยคาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุน หรือไอพีโอในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมีมูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 16 โรง จากเดิมที่มีอยู่เพียง 4 โรง และจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 2,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีเพียง 400 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าในช่วงสิ้นปีนี้จะสามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าและมีกำลังการผลิตได้ราว 700 เมกะวัตต์ และอีก 6 ปีข้างหน้าตั้งเป้าจะมีกำลังการผลิตได้ 2,000 เมกะวัตต์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
“บริษัทฯ มีแผนที่จะไปก่อสร้างโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ เช่น ประเทศลาว มาเลเซีย และญี่ปุ่น ซึ่งได้ให้ความสนใจอยุ่ แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของการหารือกันถึงรายละเอียดของการดำเนินงานในช่วงเริ่มต้น ซึ่งขณะนี้ในประเทศเวียดนามบริษัทมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไปแล้ว”
ด้านนายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ABPIF ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกของนักลงทุนที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากธุรกิจมีความเสี่ยงที่ต่ำ มีรายได้จากการขายไฟฟ้าที่มีความชัดเจน ซึ่งต้นทุนส่วนใหญ่ที่ใช้จ่ายจะเป็นค่าแก๊สเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว
“กองทุนดังกล่าวถือว่าเป็นกองทุนที่อยู่ระหว่างกลางของการลงทุนในหุ้น และพันธบัตรรัฐบาล เพราะถือว่ามีความเสี่ยงไม่มาก และสามารถให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ซึ่งกองทุนดังกล่าวสามารถการันตีได้ในเรื่องของประสบการณ์ ความเสี่ยงแม้จะสูงกว่าตราสารหนี้แต่ถือว่าทิศทางการจัดวางพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนแล้วจะทำให้การลงทุนไม่หวือหวามากนัก”
ทั้งนี้ กองทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ABPIF จะเข้าไปลงทุนในสิทธิในการรับผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกว่า 350 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลาประมาณ 9 ปี โดยนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว โดยจะทำการจ่ายปีละไม่เกิน 2 ครั้ง นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวยังนำไปลดหย่อนทางภาษีได้
ขณะที่นายสุรเดช เกียรติธนากร ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวจะเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ 1 และ 2 ก่อนที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งทั้ง 2 โรงได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการผลิตไฟฟ้ามากว่า 10 ปี ทั้งนี้มีผลกำไรมาโดยตลอด นอกจากนี้นักลงทุนเชื่อมั่นในความปลอดภัยของโรงไฟฟฟ้าได้ เนื่องจากบริษัทได้ทำประกันไว้ครบวงจร
“กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ABPIF ได้อยู่ระหว่างการพิจารณาไฟลิ่งของ ก.ล.ต. ซึ่งคาดว่าจะหาหน่วยลงทุนให้นักลงทุนได้ในช่วงต้นไตรมาส 3/56 และคาดว่าผลตอบแทนจะไม่ต่ำกว่า 6% ต่อปี ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวถือว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน และยังมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ เช่น หุ้น กองทุนรวมอสังหาฯ และตราสารหนี้ เนื่องจากมีระดับรายได้ในอนาคตที่ชัดเจน ซึ่งจะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าที่เข้ามาเพิ่มขึ้นและอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ เพราะปริมาณการใช้ไฟฟ้ายังคงมีอย่างต่อเนื่อง”
ด้านนายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นยังคงมีความผันผวนอยู่ ซึ่งถ้าดูจะเห็นว่าปรับลดลงมากว่า 60 จุด แต่ขณะเดียวกัน ถ้ามาดูหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์หรือโครงสร้างพื้นฐานจะเห็นว่าเป็นบวก มีการปรับลดลงมาไม่ถึง 1% เช่นเดียวกับตัวกองทุนดังกล่าวที่มีรายได้แน่นอน ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมนี้ยังมีอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้านภายในนิคมฯ จะเห็นว่ารัฐบาลเองได้เข้ามาสนับสนุนการขยายตัวของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้แล้ว ในเรื่อง AEC เศรษฐกิจไทยถือว่าได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเราเป็นผู้นำประเทศ เมื่อประเทศมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นการใช้ไฟฟ้าก็มีมากขึ้นตาม ส่งผลให้การเติบโตของไฟฟ้าจะโตเพิ่มขึ้นอีก 5% เมื่อเทียบกับตัวเลขเศรษฐกิจที่คาดว่าจะโตเพิ่มอีก 5% เพราะต่อจากนี้เราจะเห็นโครงการภาครัฐมีการขยายเพิ่มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกระจายตัวไปยังต่างจังหวัด ความต้องการไฟฟ้าก็จะมีเพิ่มตามมาอย่างต่อเนื่อง