บลจ.กสิกรไทยขนกองทุนเด่นคับคั่งตอบดีมานด์ผู้ลงทุน ชวนผู้ลงทุนมือใหม่วางเป้าลงทุนกับ K-PLAN พร้อมพาเหรดกองทุนหุ้น และ FIF ตอบโจทย์กระจายความเสี่ยงในต่างแดน พ่วงโอกาสรับ Cash Back Promotion สูงสุด 4,000 บาท ในมหกรรมการเงิน กรุงเทพฯ (Money Expo 2013) 9-12 พ.ค.นี้ ด้านกองทุนตราสารหนี้ใหม่พร้อมเสนอขายในงาน ชูผลตอบแทนปลอดภาษีสูงสุด 2.85%
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยจะร่วมออกบูทส่งเสริมการขายและแนะนำทางเลือกในการลงทุนกับกองทุนรวมร่วมกับธนาคารกสิกรไทย ในงานมหกรรมการเงิน กรุงเทพฯ ครั้งที่ 13 (Money Expo 2013) ระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2556 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ฮอลล์ 2-3 อิมแพค เมืองทองธานี โดยมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมเพื่อตอบรับการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งตอบรับกับแนวคิดหลัก Lifestyle Financial Mall ของบูทธนาคารกสิกรไทยด้วยผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่หลากหลาย ตอบรับทุกเป้าหมายในการลงทุน และการทำธุรกรรมเพื่อซื้อกองทุนแบบ One Stop Investment ที่ครบครันด้วยการให้คำแนะนำเพื่อการวางแผนการลงทุนอย่างมืออาชีพ และสามารถทำรายการซื้อได้อย่างสะดวกทันที ณ จุดขาย พร้อมโปรโมชัน cash back สูงสุดถึง 4,000 บาท
สำหรับกองทุนที่ บลจ.กสิกรไทยมุ่งเสนอเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนมือใหม่ นางสาวยุพาวดีเปิดเผยว่า คือกลุ่มกองทุนเปิดเค แพลน (K-PLAN) ซึ่งเหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาดเงินตลาดทุนอย่างใกล้ชิด แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่งอกเงยพร้อมการกระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เนื่องจากกลุ่มกองทุน K-PLAN เป็นกองทุนผสมที่มีนโยบายการลงทุนตอบรับเป้าหมายในการลงทุนได้หลากหลาย กล่าวคือ กองทุน K-PLAN 1 ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน และอาจลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศไม่เกิน 20% โดยไม่มีการลงทุนในหุ้นเลย จึงเหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากหุ้นแต่ต้องการความมั่นใจในการลงทุนและต้องการทางเลือกที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการฝากเงิน ส่วนผู้ลงทุนที่เพิ่งเริ่มลงทุนในกองทุนหุ้นแต่ยังรับความเสี่ยงได้ไม่มากนักสามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-PLAN 2 ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30% หรือหากรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้นก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-PLAN3 ที่มีสัดส่วนลงทุนในหุ้นได้ถึง 55% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ และอาจลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 30% โดยยอดเงินลงทุนรวมในกองทุน K-Plan ทุกๆ 100,000 บาท ภายในงานมหกรรมการเงิน กรุงเทพฯ ครั้งที่ 13 จะได้รับ Cash Back มูลค่า 150 บาท (สูงสุด 2,000 บาทต่อท่าน) พร้อมรับของที่ระลึกพิเศษจาก บลจ.กสิกรไทยฟรีทันทีที่ทำรายการ
นอกจากกองทุน K-PLAN แล้ว สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากตลาดหุ้นไทย และพอมีเวลาติดตามเพื่อจับจังหวะการเข้าซื้อและขายทำกำไรอยู่พอสมควร สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค หุ้นทุน (K-EQUITY) ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ โดยตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนถึง 16.23% หรืออาจเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค หุ้นปันผล (K-VALUE) เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นที่มีการจ่ายปันผลในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีกองทุนให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 14.39% ในขณะที่ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ประมาณ 13.44% เท่านั้น ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในเชิงบวก และแม้ว่าดัชนี SET Index จะปรับตัวทะลุ 1,600 จุดไปแล้วก็ยังถือเป็นโอกาสที่ผู้ลงทุนจะทยอยสะสมเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของตลาดหุ้นไทยได้ แต่ยังคงต้องระมัดระวังในเรื่องความผันผวนของตลาดหุ้นที่อาจเกิดขึ้นจากข่าวต่างๆ ที่จะเข้ามากระทบด้วย นางสาวยุพาวดีกล่าว
สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปยังต่างประเทศ นางสาวยุพาวดีกล่าวว่า แม้เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงมีความผันผวนอยู่จากสถานการณ์ปัญหาหนี้ยุโรปที่ยังไม่สิ้นสุด รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจในบางภูมิภาค ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดปรับตัวลงได้ในระยะสั้น กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA) จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ยอมรับความผันผวนได้ปานกลาง เนื่องจากกองทุน K-GA มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลกทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน จึงมีความผันผวนต่ำกว่าตลาดหุ้น โดยกองทุนนี้มุ่งลงทุนในกองทุนหลักในต่างประเทศ คือกองทุน BGF-Global Allocation Fund ภายใต้การบริหารของ Black Rock บริษัทจัดการลงทุนระดับโลก ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้ครอบครองหลักทรัพย์จากทุกมุมโลกด้วยกลยุทธ์การบริหารพอร์ตแบบผสมผสาน ปัจจุบันให้น้ำหนักในหุ้น 60% ในขณะที่ให้น้ำหนักตราสารหนี้ประมาณ 22% พร้อมนโยบายจ่ายปันผลสูงสุด 4 ครั้งต่อปี ตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนแล้วถึง 7.08% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานของกองทุนซึ่งอยู่ที่ 3.60% เท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูงและต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจยิ่งขึ้นจากหุ้นในประเทศจีนและหุ้นสหรัฐฯ ยังสามารถเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) และกองทุนเปิดเค ยูเอสเอ (K-USA) โดยยอดเงินลงทุนรวมใน 5 กองทุนข้างต้นทุกๆ 50,000 บาทจะได้รับ Cash Back 100 บาท สูงสุด 2,000 บาทต่อท่านอีกด้วย
ด้านกองทุนใหม่ที่จะเสนอขายครั้งเดียวในระหว่างการจัดงานมหกรรมการเงินครั้งที่ 13 นางสาวยุพาวดีเปิดเผยว่า ในวันที่ 8-13 พฤษภาคม 2556 บลจ.กสิกรไทยจะเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการ 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้นตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ซีจี (KPPTF3MCG) กองทุนเปิดเค ฟิกซ์ อินคัม โน้ต 3 เดือน ซี (KFIN3MC) และกองทุนเปิดเค ฟิกซ์ อินคัม โน้ต 6 เดือน ซี (KFIN6MC) โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีที่ 2.50%, 2.70% และ 2.85% ต่อปีตามลำดับ โดย บลจ.กสิกรไทยยังคงเลือกเฟ้นตราสารหนี้ที่มีคุณภาพและสามารถให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยหลังหักภาษี ณ ที่จ่ายของเงินฝากประจำที่มีอายุเท่ากัน หรือตราสารหนี้ในประเทศที่อายุเฉลี่ยใกล้เคียงกันท่ามกลางสภาวะดอกเบี้ยเช่นปัจจุบัน นางสาวยุพาวดีกล่าวในที่สุด
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยจะร่วมออกบูทส่งเสริมการขายและแนะนำทางเลือกในการลงทุนกับกองทุนรวมร่วมกับธนาคารกสิกรไทย ในงานมหกรรมการเงิน กรุงเทพฯ ครั้งที่ 13 (Money Expo 2013) ระหว่างวันที่ 9-12 พฤษภาคม 2556 ณ อาคารชาลเลนเจอร์ฮอลล์ 2-3 อิมแพค เมืองทองธานี โดยมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมเพื่อตอบรับการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งตอบรับกับแนวคิดหลัก Lifestyle Financial Mall ของบูทธนาคารกสิกรไทยด้วยผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่หลากหลาย ตอบรับทุกเป้าหมายในการลงทุน และการทำธุรกรรมเพื่อซื้อกองทุนแบบ One Stop Investment ที่ครบครันด้วยการให้คำแนะนำเพื่อการวางแผนการลงทุนอย่างมืออาชีพ และสามารถทำรายการซื้อได้อย่างสะดวกทันที ณ จุดขาย พร้อมโปรโมชัน cash back สูงสุดถึง 4,000 บาท
สำหรับกองทุนที่ บลจ.กสิกรไทยมุ่งเสนอเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนมือใหม่ นางสาวยุพาวดีเปิดเผยว่า คือกลุ่มกองทุนเปิดเค แพลน (K-PLAN) ซึ่งเหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาดเงินตลาดทุนอย่างใกล้ชิด แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่งอกเงยพร้อมการกระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เนื่องจากกลุ่มกองทุน K-PLAN เป็นกองทุนผสมที่มีนโยบายการลงทุนตอบรับเป้าหมายในการลงทุนได้หลากหลาย กล่าวคือ กองทุน K-PLAN 1 ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน และอาจลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศไม่เกิน 20% โดยไม่มีการลงทุนในหุ้นเลย จึงเหมาะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากหุ้นแต่ต้องการความมั่นใจในการลงทุนและต้องการทางเลือกที่ให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการฝากเงิน ส่วนผู้ลงทุนที่เพิ่งเริ่มลงทุนในกองทุนหุ้นแต่ยังรับความเสี่ยงได้ไม่มากนักสามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-PLAN 2 ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30% หรือหากรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้นก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-PLAN3 ที่มีสัดส่วนลงทุนในหุ้นได้ถึง 55% ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้ และอาจลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 30% โดยยอดเงินลงทุนรวมในกองทุน K-Plan ทุกๆ 100,000 บาท ภายในงานมหกรรมการเงิน กรุงเทพฯ ครั้งที่ 13 จะได้รับ Cash Back มูลค่า 150 บาท (สูงสุด 2,000 บาทต่อท่าน) พร้อมรับของที่ระลึกพิเศษจาก บลจ.กสิกรไทยฟรีทันทีที่ทำรายการ
นอกจากกองทุน K-PLAN แล้ว สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากตลาดหุ้นไทย และพอมีเวลาติดตามเพื่อจับจังหวะการเข้าซื้อและขายทำกำไรอยู่พอสมควร สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค หุ้นทุน (K-EQUITY) ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ โดยตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนถึง 16.23% หรืออาจเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค หุ้นปันผล (K-VALUE) เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากหุ้นที่มีการจ่ายปันผลในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีกองทุนให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 14.39% ในขณะที่ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ประมาณ 13.44% เท่านั้น ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในเชิงบวก และแม้ว่าดัชนี SET Index จะปรับตัวทะลุ 1,600 จุดไปแล้วก็ยังถือเป็นโอกาสที่ผู้ลงทุนจะทยอยสะสมเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของตลาดหุ้นไทยได้ แต่ยังคงต้องระมัดระวังในเรื่องความผันผวนของตลาดหุ้นที่อาจเกิดขึ้นจากข่าวต่างๆ ที่จะเข้ามากระทบด้วย นางสาวยุพาวดีกล่าว
สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปยังต่างประเทศ นางสาวยุพาวดีกล่าวว่า แม้เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังคงมีความผันผวนอยู่จากสถานการณ์ปัญหาหนี้ยุโรปที่ยังไม่สิ้นสุด รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจในบางภูมิภาค ซึ่งอาจจะทำให้ตลาดปรับตัวลงได้ในระยะสั้น กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA) จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ยอมรับความผันผวนได้ปานกลาง เนื่องจากกองทุน K-GA มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลกทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน จึงมีความผันผวนต่ำกว่าตลาดหุ้น โดยกองทุนนี้มุ่งลงทุนในกองทุนหลักในต่างประเทศ คือกองทุน BGF-Global Allocation Fund ภายใต้การบริหารของ Black Rock บริษัทจัดการลงทุนระดับโลก ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้ครอบครองหลักทรัพย์จากทุกมุมโลกด้วยกลยุทธ์การบริหารพอร์ตแบบผสมผสาน ปัจจุบันให้น้ำหนักในหุ้น 60% ในขณะที่ให้น้ำหนักตราสารหนี้ประมาณ 22% พร้อมนโยบายจ่ายปันผลสูงสุด 4 ครั้งต่อปี ตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนแล้วถึง 7.08% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานของกองทุนซึ่งอยู่ที่ 3.60% เท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างสูงและต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจยิ่งขึ้นจากหุ้นในประเทศจีนและหุ้นสหรัฐฯ ยังสามารถเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) และกองทุนเปิดเค ยูเอสเอ (K-USA) โดยยอดเงินลงทุนรวมใน 5 กองทุนข้างต้นทุกๆ 50,000 บาทจะได้รับ Cash Back 100 บาท สูงสุด 2,000 บาทต่อท่านอีกด้วย
ด้านกองทุนใหม่ที่จะเสนอขายครั้งเดียวในระหว่างการจัดงานมหกรรมการเงินครั้งที่ 13 นางสาวยุพาวดีเปิดเผยว่า ในวันที่ 8-13 พฤษภาคม 2556 บลจ.กสิกรไทยจะเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการ 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้นตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ซีจี (KPPTF3MCG) กองทุนเปิดเค ฟิกซ์ อินคัม โน้ต 3 เดือน ซี (KFIN3MC) และกองทุนเปิดเค ฟิกซ์ อินคัม โน้ต 6 เดือน ซี (KFIN6MC) โอกาสรับผลตอบแทนปลอดภาษีที่ 2.50%, 2.70% และ 2.85% ต่อปีตามลำดับ โดย บลจ.กสิกรไทยยังคงเลือกเฟ้นตราสารหนี้ที่มีคุณภาพและสามารถให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำแต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าผลตอบแทนเฉลี่ยหลังหักภาษี ณ ที่จ่ายของเงินฝากประจำที่มีอายุเท่ากัน หรือตราสารหนี้ในประเทศที่อายุเฉลี่ยใกล้เคียงกันท่ามกลางสภาวะดอกเบี้ยเช่นปัจจุบัน นางสาวยุพาวดีกล่าวในที่สุด