xs
xsm
sm
md
lg

ชี้กองทุนหุ้นเริ่มฮิต กสิกรฯรั้งแชมป์กองทุนรวม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กองทุนรวมไตรมาส 1 อู่ฟู่ บลจ.กสิกรไทยยังรั้งแชมป์สินทรัพย์รวมสูงสุด "จงรัก"ระบุเน้นออกสินค้าตอบโจทย์นักลงทุนอย่างครอบคลุมเป็นหลัก ส่วนช่วงที่ผ่านมากองทุนหุ้นสุดฮิต"กองทุนเปิดเค หุ้นทุน"ได้รับความสนใจมากสุด

รายงานจากสมาคมบริษัทจัดการลงทุนเปิดเผยภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวม ณ วันที่ 29 มีนาคม 2556 พบว่า ทรัพย์สินของกองทุนรวมทั้งหมดอยู่ที่ 2.783 ล้านล้านบาทจากกองทุนรวมทั้งหมด 1,396 กองทุน โดยเพิ่มขึ้นจากวันที่ 28 ธันวาคม 2555 ซึ่งอยู่ที่ 2.614 ล้านล้านบาทจากกองทุนรวมทั้งหมด 1,399 กองทุน หรือคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นประมาณ 1 แสนล้านบาทในช่วงระยะเวลา 3 เดือน

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) 5 อันดับแรกที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดประกอบด้วย 1 บลจ. กสิกรไทย จำกัด มีมูลค่าสินทรัพย์รวมในส่วนของกองทุนรวมอยู่ที่ 6.59 แสนล้านบาทจากองทุนรวมทั้งหมด158 กองทุน เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 6.35 แสนล้านบาทจากองทุนรวมทั้งหมด 159 กองทุน หรือคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

2.บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด มีมูลค่าสินทรัพย์รวมในส่วนของกองทุนรวมอยู่ที่ 5.71 แสนล้านบาทจากองทุนรวมทั้งหมด211 กองทุน เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 5.55แสนล้านบาทจากองทุนรวมทั้งหมด 201 กองทุน หรือคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

3.บลจ.กรุงไทย จำกัด(มหาชน) มีมูลค่าสินทรัพย์รวมในส่วนของกองทุนรวมอยู่ที่ 3.73แสนล้านบาทจากองทุนรวมทั้งหมด116 กองทุน เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 3.34แสนล้านบาทจากองทุนรวมทั้งหมด 120 กองทุน หรือคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นประมาณ 4 หมื่นล้านบาท

4.บลจ.บัวหลวง จำกัด มีมูลค่าสินทรัพย์รวมในส่วนของกองทุนรวมอยู่ที่ 2.39แสนล้านบาทจากองทุนรวมทั้งหมด67 กองทุน เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2555 ซึ่งอยูที่ 2.13แสนล้านบาทจากองทุนรวมทั้งหมด 68 กองทุน หรือคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท

5.บลจ.ทหารไทย จำกัด มีมูลค่าสินทรัพย์รวมในส่วนของกองทุนรวมอยู่ที่ 1.84แสนล้านบาทจากองทุนรวมทั้งหมด 68 กองทุน เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 1.81แสนล้านบาทจากองทุนรวมทั้งหมด 64 กองทุน หรือคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 พันล้านบาท

นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาการบริหารกองทุนรวมของบริษัทถือว่ามาเป็นอันดับ 1 ซึ่งบริษัทกลยุทธ์ที่ผ่านมาที่สามารถครองแชมป์ไว้ได้อย่างเหนี่ยวแน่น เราได้มีการตอบโจทย์ของลูกค้าได้ตรงตามเป้าหมาย และได้ให้ความเข้าใจที่ไม่สลับซับซ้อนแก่นักลงทุน โดยกองทุนของบริษัทส่วนใหญ่จะมีความใกล้เคียงกับเงินฝาก ซึ่งไม่มีความซับซ้อนนักลงทุนเข้าใจ

โดยกองทุนที่ได้รับความสนใจจากลงทุนได้แก่ 1. กองทุนเปิดเค หุ้นทุน (K-EQUITY) เน้นลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% 2. กองทุนเค โกลด์ (K-GOLD)ลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวจัดตั้งและจัดการโดย World Gold Trust Services, LLC ที่ถือหุ้นโดย World Gold Council (WGC)ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าวได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก และสิงคโปร์ กองทุนอาจมีการลงทุนในประเทศ สำหรับการดำเนินการของกองทุน รอจังหวะการลงทุนในต่างประเทศ รักษาสภาพคล่องของกองทุน

นอกจากนี้กองทุนเปิดเค สตาร์หุ้นทุนคืนกำไร (K-STAR)เน้นการลงทุนในระยะสั้นถึงระยะปานกลางในหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอันเป็นหรือเกี่ยวข้องกับตราสารแห่งทุน โดยจะลงทุนในหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อย กว่าร้อยละ 65 และกองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) เน้นลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนโดยจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน China Focus Fund ในกลุ่มของ Fidelity Funds ที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศลักเซมเบอร์ก ซึ่งจัดตั้งและจัดการโดย Fidelity International Limited (FIL) ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

"ผู้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน หากผู้ลงทุนรับความเสี่ยงได้ไม่มากนักอาจจะพิจารณาขายทำกำไรออกไปได้บ้างบางส่วนเมื่อมีกำไร หรือเพื่อลดความผันผวน แต่หากสามารถรับความผันผวนได้ ยังแนะนำให้คงเงินลงทุนต่อไปหรือหาจังหวะเข้าซื้อเพิ่มเติมเมื่อดัชนีปรับตัวลงมา อย่างไรก็ตามหากผู้ลงทุนมุ่งเน้นการลงทุนระยะยาว แนะนำว่าสามารถถือหน่วยลงทุนได้ต่อ เนื่องจาก บริษัทยังมองตลาดในภาพบวกในระยะยาว ซึ่งผู้ลงทุนอาจจะทยอยเข้าซื้อเพิ่มเติมเมื่อตลาดปรับตัวลดลงในช่วงสั้น เนื่องจากเมื่อพิจารณาเทียบกับทางเลือกการลงทุนอื่น การลงทุนในหุ้นยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและมีแนวโน้มที่จะให้โอกาสรับผลตอบแทนที่ดีอยู่"

นายจงรักกล่าว ต่อไปว่า กองทุนรวมที่บริหารจัดการภายใต้ของบริษัท มีครบถ้วนไว้รองรับกลุ่มนักลงทุน แต่บางกองทุนอาจจะมีขนาดมูลค่าที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก โดยในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2556 ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งเปิดกองทุนเปิดเค ไทย เฟล็กซิเบิล อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 (KTFET1) โดยมีมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท อายุประมาณ 3 ปี มีนโยบายที่สามารถกระจายการลงทุนไปในหุ้นได้ตั้งแต่ 0-100% พร้อมกำหนดเป้าหมายทริกเกอร์ ใน 1 ปีแรกให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนประมาณ 8%

"บริษัทเพิ่งได้ออกกองทุนทริกเกอร์เป็นกองทุนแรกเนื่องจากว่าลูกค้าเรียกร้องเข้ามามากที่อยากจะเข้ามาลงทุนกับบริษัท ดังนั้นเราจึงมองเห็นจังหวะในช่วงดังกล่าวจึงออกมาเพื่อสนองความต้องการของลูกค้า แต่อย่างก็ตามบริษัทมองว่าการลงทุนอยากจะให้ลงทุนกันแบบระยะยาวมากกว่าระยะสั้น ซึ่งกองทุนทริกเกอร์จะเป็นแบบระยะสั้น ผลตอบแทนไม่เกิน 10% และหลังจากนี้ไปบริษัทคาดว่าจะมีกองทุนทริกเกอร์ออกมาอีกเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า แต่ต้องดูจังหวะตลาดของการลงทุนที่เหมาะสมว่าจะเป็นช่วงไหน ซึ่งคาดว่าน่าจะออกเพิ่มอีกประมาณ 2 - 3 กองทุน"

กำลังโหลดความคิดเห็น