คาดหุ้นไทยผันผวนต่อ เหตุขาดปัจจัยหุนนชัด ต่างชาติรอจังหวะมาตรการบาทและเศรษฐกิจ แนะพักเงินกองตราสารหนี้รอลงทุนต่อ 3 บลจ.เปิดขายเน้นลงทุนทั้งในและต่างประเทศ บลจ.วรรณชูผลตอบแทน 2.67% ส่วน บลจ.กรุงศรี-แอสเซทพลัส ชูผลตอบแทน 2.7% และ 2.75%
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นมีความผันผวนอยู่มากและยังไม่มีปัจจัยที่ชัดเจนในการหนุนดัชนีให้ปรับตัวในทิศทางบวกในช่วงเวลาอันใกล้ เนื่องจากนักลงทุนต่างยังคงรอดูท่าทีของทางการไทยสำหรับมาตรการดูแลค่าเงินบาท (Capital Control) และพัฒนาการของเศรษฐกิจโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ยูโรโซน และประเทศในกลุ่มเอเชีย อย่างเช่นญี่ปุ่น และจีน
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าการลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้น่าจะเป็นจังหวะดีในการพักเงินเพื่อรอการลงทุนต่อไป ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ทำการเปิด กองทุนเปิดวรรณตราสารหนี้ 3M2 (1FIX-3M2) ซึ่งเปิดเสนอขายในช่วงระหว่างวันที่ 31 พ.ค. 56-7 มิ.ย. 56 เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในช่วงเวลาประมาณ 3 เดือนและต้องการได้รับผลตอบแทนคงที่ ทั้งนี้ กองทุนเปิดวรรณตราสารหนี้ 3M2 (1FIX-3M2) จะมุ่งเน้นการนำเงินไปลงทุนในเงินฝากและตั๋วแลกเงินที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ขึ้นไป โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนจะอยู่ที่ 2.67% ต่อปี
ด้าน นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า บริษัทจะทำการเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M61 (KFFIX6M61) อายุประมาณ 6 เดือน ระหว่างวันที่ 4-10 มิ.ย. 56 ซึ่งกองทุนนี้จะเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อกผลตอบแทนจากการลงทุน ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนล็อกอัตราผลตอบแทนในระยะกลางและระยะยาว เนื่องจากอัตราผลตอบแทนมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงได้อีก
ทั้งนี้ กองทุนจะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน, สาขามาเก๊า) เงินฝากธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นต้น โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.70% ต่อปี
ด้าน นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บลจ.แอสเซทพลัส กล่าวว่า วันที่ 5 มิถุนายนบริษัทฯ จะทำการเปิดขายรอบใหม่สำหรับกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 2 (ASP-TFIXED2) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้จะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงิน และเงินฝาก ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 2.75% ต่อปี
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นมีความผันผวนอยู่มากและยังไม่มีปัจจัยที่ชัดเจนในการหนุนดัชนีให้ปรับตัวในทิศทางบวกในช่วงเวลาอันใกล้ เนื่องจากนักลงทุนต่างยังคงรอดูท่าทีของทางการไทยสำหรับมาตรการดูแลค่าเงินบาท (Capital Control) และพัฒนาการของเศรษฐกิจโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ยูโรโซน และประเทศในกลุ่มเอเชีย อย่างเช่นญี่ปุ่น และจีน
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าการลงทุนกองทุนรวมตราสารหนี้น่าจะเป็นจังหวะดีในการพักเงินเพื่อรอการลงทุนต่อไป ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ทำการเปิด กองทุนเปิดวรรณตราสารหนี้ 3M2 (1FIX-3M2) ซึ่งเปิดเสนอขายในช่วงระหว่างวันที่ 31 พ.ค. 56-7 มิ.ย. 56 เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในช่วงเวลาประมาณ 3 เดือนและต้องการได้รับผลตอบแทนคงที่ ทั้งนี้ กองทุนเปิดวรรณตราสารหนี้ 3M2 (1FIX-3M2) จะมุ่งเน้นการนำเงินไปลงทุนในเงินฝากและตั๋วแลกเงินที่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ขึ้นไป โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุนจะอยู่ที่ 2.67% ต่อปี
ด้าน นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า บริษัทจะทำการเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M61 (KFFIX6M61) อายุประมาณ 6 เดือน ระหว่างวันที่ 4-10 มิ.ย. 56 ซึ่งกองทุนนี้จะเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อกผลตอบแทนจากการลงทุน ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนล็อกอัตราผลตอบแทนในระยะกลางและระยะยาว เนื่องจากอัตราผลตอบแทนมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงได้อีก
ทั้งนี้ กองทุนจะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน, สาขามาเก๊า) เงินฝากธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) และตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นต้น โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.70% ต่อปี
ด้าน นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บลจ.แอสเซทพลัส กล่าวว่า วันที่ 5 มิถุนายนบริษัทฯ จะทำการเปิดขายรอบใหม่สำหรับกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 2 (ASP-TFIXED2) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้จะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วแลกเงิน และเงินฝาก ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 2.75% ต่อปี