บลจ.ทหารไทย ชี้เม็ดเงินวิ่งเข้าลงทุนทั้งตลาดสหรัฐฯ และเอเชีย เผยตลาดสหรัฐฯ บริษัทมีกำไรเติบโตสวนเศรษฐกิจของประเทศ แต่การลงทุนในเอเชียได้ผลตอบแทนทั้งจากกำไรและค่าเงิน
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาแถลงว่าจะยังใช้มาตรการ QE ต่อไป แต่จะในการประชุมครั้งหน้าจะเริ่มพิจารณาลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตร ซึ่งหลังจากการแถลงดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งไทยในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 พ.ค.)
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ นั้นมีขนาดใหญ่และมีนักลงทุนจำนวนมาก ดังนั้นเชื่อว่ารัฐบาลไม่น่าที่จะออกมาตราการอะไรมาให้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและความมั่งคั่งของผู้ลงทุนเพราะจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้
โดยนายเบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แถลงต่อประชุมคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมสภาคองเกรสสหรัฐฯ ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวในระดับพอสมควร ไม่มีปัญหาด้านเงินเฟ้อหรือเงินฝืด แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อยู่ รวมถึงตลาดแรงงานที่ยังอยู่ในภาวะซบเซา แต่ได้ระบุว่าการลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรนั้นอาจจะมีขึ้นในการประชุมอีกไม่กี่ครั้งข้างหน้า ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ตัวเลขการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ และข้อมูลด้านการจ้างงานของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ตลาดสหรัฐฯ ที่เริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นมานั้น หากเมื่อเทียบกับความน่าสนใจของตลาดในภูมิภาคเอเชียจะเห็นได้ว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาจำนวนมาก เงินจึงไหลเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ท่น่าสนใจ โดยตลาดเอเชียนั้นยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจึงมีการเติบโตที่ดี ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ นั้นแม้เศรษฐกิจจะไม่ดีนัก แต่บริษัทต่างๆ มีผลกำไรที่เติบโตสูงมาก หุ้นสหรัฐฯ จึงมีความน่าสนใจ
“ดังนั้น การลงทุนในสหรัฐฯ และเอเชียก็มีความน่าสนใจที่ต่างกัน จะเห็นได้ว่าเงินที่เข้าลงทุนในตลาดเอเชียจะได้ผลตอบแทนจากทั้งผลกำไรของสินทรัพย์ และได้จากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ขณะที่การเข้าไปลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ จะหวังจากการขึ้นของราคาหุ้น” นายไพศาลกล่าว
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงราคาทองคำด้วยว่า ในช่วงนี้ปีนี้การลงทุนในทองคำจะได้รับความน่าสนใจลดลง มองว่าราคาทองในปีนี้จะไม่ขึ้นแบบแรงมาก ซึ่งมองว่าไม่น่าจะขึ้นไปถึงที่ระดับ 1,500 เหรียญได้ในช่วงปีนี้
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาแถลงว่าจะยังใช้มาตรการ QE ต่อไป แต่จะในการประชุมครั้งหน้าจะเริ่มพิจารณาลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตร ซึ่งหลังจากการแถลงดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งไทยในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 พ.ค.)
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดสหรัฐฯ นั้นมีขนาดใหญ่และมีนักลงทุนจำนวนมาก ดังนั้นเชื่อว่ารัฐบาลไม่น่าที่จะออกมาตราการอะไรมาให้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและความมั่งคั่งของผู้ลงทุนเพราะจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้
โดยนายเบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ แถลงต่อประชุมคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมสภาคองเกรสสหรัฐฯ ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวในระดับพอสมควร ไม่มีปัญหาด้านเงินเฟ้อหรือเงินฝืด แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อยู่ รวมถึงตลาดแรงงานที่ยังอยู่ในภาวะซบเซา แต่ได้ระบุว่าการลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตรนั้นอาจจะมีขึ้นในการประชุมอีกไม่กี่ครั้งข้างหน้า ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้รับ รวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ตัวเลขการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ และข้อมูลด้านการจ้างงานของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ตลาดสหรัฐฯ ที่เริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นมานั้น หากเมื่อเทียบกับความน่าสนใจของตลาดในภูมิภาคเอเชียจะเห็นได้ว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาจำนวนมาก เงินจึงไหลเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ท่น่าสนใจ โดยตลาดเอเชียนั้นยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจึงมีการเติบโตที่ดี ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ นั้นแม้เศรษฐกิจจะไม่ดีนัก แต่บริษัทต่างๆ มีผลกำไรที่เติบโตสูงมาก หุ้นสหรัฐฯ จึงมีความน่าสนใจ
“ดังนั้น การลงทุนในสหรัฐฯ และเอเชียก็มีความน่าสนใจที่ต่างกัน จะเห็นได้ว่าเงินที่เข้าลงทุนในตลาดเอเชียจะได้ผลตอบแทนจากทั้งผลกำไรของสินทรัพย์ และได้จากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ขณะที่การเข้าไปลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ จะหวังจากการขึ้นของราคาหุ้น” นายไพศาลกล่าว
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงราคาทองคำด้วยว่า ในช่วงนี้ปีนี้การลงทุนในทองคำจะได้รับความน่าสนใจลดลง มองว่าราคาทองในปีนี้จะไม่ขึ้นแบบแรงมาก ซึ่งมองว่าไม่น่าจะขึ้นไปถึงที่ระดับ 1,500 เหรียญได้ในช่วงปีนี้