กรุงเทพประกันภัย คาดประกันภัยทรัพย์สินหนุนผลดำเนินงานโตตามเป้า หลังไตรมาสแรกโตแล้วถึง 20% ระบุโครงการภาครัฐ และการฟื้นตัวของบริษัทหลังน้ำท่วมช่วยหนุน พร้อมคาดเบี้ยประกันภัยทรัพย์สินเตรียมปรับลดอีก แต่จะไม่ต่ำมากเหมือนในอดีต ขณะเดียวกันเมินแข่งราคาเบี้ยประกันรถคันแรก เหตุเบี้ยต่ำเกินจริง แต่จะเน้นการให้บริการสินไหม และคุณภาพที่สูงกว่า
นายพนัส ธีรวณิชย์กุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของบริษัทปีนี้มีการเติบโตถึง 20% และน่าจะส่งผลให้บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับทั้งปีเติบโตได้ถึง 16% จากปี 2555 ที่มีเบี้ยประกันภัยรับอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทคาดว่าในปีนี้บริษัทน่าจะมีกำไรจากการรับประกันภัยได้ เนื่องจากการตั้งสำรองจากปัญหาน้ำท่วมคงจะแล้วเสร็จ ซึ่งเหลืออยู่อีกไม่กี่ร้อยล้านบาทเท่านั้น โดยคาดว่าน่าจะมีกำไรประมาณ10% จากการรับประกันภัยสุทธิ
ส่วนการเติบโตในช่วงไตรมาสแรกที่สูงถึง20% นั้นจะมากจากการประกันอัคคีภัยที่ขยายตัวได้ดี และจากการประกันภัยทรัพย์สินที่มีการขยายตัวสูงถึง 25% และการประกันภัยรถยนต์ที่ยังคงเติบโตในระดับ 25% ด้วยเช่นกัน
สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทเชื่อว่าการรับประกันภัยทรัพย์สินน่าจะมีบทบาทต่อการเติบโตของบริษัทมากที่สุด เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาอัตราเบี้ยประกันภัยประเภทนี้ยังอยู่ในระดับสูงถึงแม้จะปรับลดลงมาบ้างแล้วก็ตามหลังเหตุการณ์น้ำท่วม นอกจากนี้บริษัทยังมีโอกาสได้รับงานจากโครงการของภาครัฐบาล ทั้งในส่วนของการรับจำนำข้าวที่จะต้องมีการประกันภัยทรัพย์สิน และโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีเบี้ยรับประกันภัยเพิ่มมากขึ้นในปีนี้
อย่างไรก็ตามในส่วนของอัตราเบี้ยประกันภัยข้างต้นเชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการปรับลดลงได้ระดับหนึ่ง เนื่องจากศักยภาพการแข่งขันของบริษัทประกันภัยเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ และการติดต่อกับบริษัทประกันภัยต่อต่างประเทศสามารถทำได้ง่ายมากขึ้น
"ประกันภัยทรัพย์สินน่าจะดีสุดเพราะนอกจากโครงการภาครัฐแล้วจะเห็นว่า บริษัทโรงงานต่างๆเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติและสามารถทำประกันภัยได้มากขึ้น ซึ่งตรงนี้เราจะได้เปรียบเพราะสามารถรับความเสี่ยงได้ดีกว่าบริษัทประกันภัยอื่น และมีการจัดการประกันภัยต่อที่มีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องอัตราเบี้ยประกันภัยถึงแม้อาจเห็นการปรับลดลงแต่เชื่อว่าจะอยู่ในจุดที่ทำกำไรได้ไม่เหมือนในอดีตที่ต่ำเกินไป"
เมินแข่งประกันรถคันแรก
นายพนัส กล่าวอีกว่า สำหรับการเติบโตของการรับประกันภัยรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการรับประกันภัยรถยนต์คันแรก เนื่องจากมีการแข่งขันด้านอัตราเบี้ยประกันภัยกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการบิดเบือนของอัตราเบี้ยประกันภัยจนอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไป โดยบริษัทจะเน้นการรับประกันภัยที่จะต้องให้ความสำคัญด้านสินไหม และบริการแก่ลูกค้า ในอัตราเบี้ยประกันภัยที่รับได้เท่านั้น
"ที่ผ่านมาถคันแรกมันแข่งราคามากไป แต่ไม่ใช่เราไม่รับประกัน แต่จะให้ไปลดราคาแข่งเราไม่ทำ เพราะอาจขาดทุนได้ความเสี่ยงมันจะสูง ซึ่งเบี้ยต่ำมากต่อไปมันจะมีปัญหาเรื่องสินไหมและบริการได้ โดยอัตราเบี้ยของเราถึงจะสูงแต่ลูกค้าจะเชื่อใจเรา ทำให้ที่ผ่านมาการเติบโตของด้านการรับประกันภัยรถยนต์ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นตัวเลข 2 หลักเสมอ"