บลจ.กสิกรไทย โชว์ปันผลกองหุ้นสหรัฐฯ อัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ โชว์จุดเด่นกองทุนเน้นหุ้นพื้นฐานแกร่ง แถมผลประกอบการโดดเด่น นักวิเคราะห์คาดเฟดคงมาตรการ QE ถึงปีหน้า หลังล่าสุดเฟดยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า คณะกรรมการพิจารณาการลงทุนของบริษัทได้มีมติเมื่อ วันที่ 2 พฤษภาคม 2556 ให้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 30 เมษายน 2556 เวลา 08.00 น. ของกองทุนรวม เค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA)รอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2555 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2556 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย โดยจะทำการจ่ายปันผลในวันที่ 14 พฤษภาคม 2556
สำหรับกองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA) เปิดขายไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม - 5 กันยายน 2555 โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุน ในกองทุนหลักคือ Morgan Stanley - US Advantage Fund ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นจดทะเบียนของสหรัฐฯ ที่มีพื้นฐานดีและมีโอกาสเติบโตสูง ภายใต้การบริหารจัดการของ Morgan Stanley Asset Management ซึ่งเป็นบริษัทจัดการลงทุนชั้นนำระดับโลก
ส่วนจุดเด่นของกองทุนหลักที่ลงทุน คือ กลยุทธ์การบริหารแบบ Active Approach มุ่งลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่มีโอกาสเติบโตสูงและมีผลประกอบการโดดเด่น ทั่วโลก เช่น Apple, Motorola, Google, Amazon dot Com, EBay, Starbucks ซึ่งล้วนเป็นบริษัทเป็นที่มีการได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว ทำรายได้ทั้งในสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ทั้งยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยกองทุนเน้นการลงทุนในระยะยาวมากกว่าการกังวลกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเชื่อว่า คำแถลงของเอฟโอเอ็มซีเป็นการตอกย้ำแนวคิดที่ว่า มาตรการ QE อาจคงอยู่ต่อไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากไม่มีแนวโน้มว่า อัตราว่างงานจะลดลงมากนักในปีนี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ยังต่ำมาก
โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของเฟด ได้ออกคำแถลงระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศยังคงเติบโตในระดับพอประมาณ ทว่า ถูกจำกัดโดยนโยบายเข้มงวดทางการคลังของรัฐบาล ทั้งจากการเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีประเภทสำคัญๆ ไปตั้งแต่เริ่มต้นเดือนเดือนมกราคมปีนี้ จากนั้นก็ตามด้วยการลดงบประมาณใช้จ่ายแบบเหมารวมในเดือนมีนาคม
อย่างไรก็ตาม เฟดยังส่งสัญญาณว่าอาจมีการเพิ่มมาตรการกระตุ้นด้วยการขยายมูลค่าการรับซื้อพันธบัตร หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงชะลอตัว ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่แตกต่างและเพิ่มเติมขึ้นจากคำแถลงในการประชุมเอฟโอเอ็มซีครั้งก่อนหน้านี้
โดยในการประชุมครั้งนี้เฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ 0-0.25% เช่นเดียวกับการคงโปรแกรมการซื้อพันธบัตรหรือที่เรียกว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวไว้ในระดับต่ำ ส่งเสริมตลาดเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย และผ่อนคลายภาระสินเชื่อ