เอเจนซีส์ - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงว่ายังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป พร้อมกับเปิดช่องซื้อพันธบัตรเพิ่มขึ้นอีก ถ้าหากเศรษฐกิจอเมริกันยังคงชะลอตัว โดยเป็นผลจากมาตรการตัดลดงบประมาณรายจ่ายแบบเหมารวมครั้งใหญ่ของรัฐบาล
ภายหลังการประชุมเป็นเวลาสองวันสิ้นสุดลงในวันพุธ (1) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของเฟด ได้ออกคำแถลงระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศยังคงเติบโตในระดับพอประมาณ ทว่า ถูกจำกัดโดยนโยบายเข้มงวดทางการคลังของรัฐบาล ทั้งจากการเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีประเภทสำคัญๆ ไปตั้งแต่เริ่มต้นเดือนเดือนมกราคมปีนี้ จากนั้นก็ตามด้วยการลดงบประมาณใช้จ่ายแบบเหมารวมในเดือนมีนาคม
คำแถลงของเฟดคราวนี้ มีเนื้อหาที่เป็นการสัญญาณว่าอาจมีการเพิ่มมาตรการกระตุ้นด้วยการขยายมูลค่าการรับซื้อพันธบัตร หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงชะลอตัว ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่แตกต่างและเพิ่มเติมขึ้นจากคำแถลงในการประชุมเอฟโอเอ็มซีครั้งก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน คำแถลงได้ประกาศสิ่งซึ่งได้รับการคาดหมายกันอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว นั่นคือ การคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ 0-0.25% เช่นเดียวกับการคงโปรแกรมการซื้อพันธบัตรหรือที่เรียกว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวไว้ในระดับต่ำ ส่งเสริมตลาดเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย และผ่อนคลายภาระสินเชื่อ
ทั้งนี้ เอฟโอเอ็มซีย้ำว่า ภายในบริบทที่ภาวะเงินเฟ้อยังค่อนข้างมีเสถียรภาพ เฟดจะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายสุดขีดนี้ไปจนกว่าแนวโน้มตลาดการจ้างงานของสหรัฐฯจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน
เนื่องจากอัตราว่างงานในปัจจุบันซึ่งอยู่แถวๆ 7.6% ขณะที่เศรษฐกิจขยายตัวได้เพียง 2.5% จึงมีแนวโน้มน้อยมากที่อัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่เฟดตั้งไว้ที่ 6.5% สำหรับการพิจารณายุติมาตรการกระตุ้นในเร็ววันนี้
ทางด้าน พอล อีเดลสไตน์ จากไอเอชเอส โกลบัล อินไซต์ วิเคราะห์ว่า คำแถลงของเอฟโอเอ็มซีเป็นการตอกย้ำแนวคิดที่ว่า มาตรการ QE อาจคงอยู่ต่อไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากไม่มีแนวโน้มว่า อัตราว่างงานจะลดลงมากนักในปีนี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ยังต่ำมาก
เอฟโอเอ็มซีที่นำโดยประธานเฟด เบน เบอร์นันกี ระบุในคำแถลงคราวนี้ด้วยว่า ยังคงมองเห็นความเสี่ยงขาลงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และสำทับว่า เฟดจะทำการเพิ่มหรือลดการซื้อพันธบัตร ตามแต่ที่เห็นว่าเหมาะสมกับสถานการณ์
ถึงแม้ในช่วงต้นปีนี้ มีสมาชิกเอฟโอเอ็มซีบางคนเตือนเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ทว่าก่อนที่จะมีการประชุมคราวล่าสุดนี้ กลับมีข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาหลายตัวที่แสดงให้เห็นว่า โมเมนตัมของการเติบโตทางเศรษฐกิจกำลังแผ่วลง โดยที่อัตราเงินเฟ้อก็ต่ำมาก เห็นได้จากตัวบ่งชี้เงินเฟ้อของเฟดขยับขึ้นเพียง 1.1% ในเดือนมีนาคมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์บางคนประหลาดใจที่คำแถลงของเอฟโอเอ็มซีคราวนี้ไม่มีถ้อยคำที่ยอมรับอย่างชัดเจนว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังอ่อนแอลง
ทางด้าน ไรอัน สวีท จากมูดี้ส์ อะนาลิติกส์ ให้ความเห็นว่า เฟดดูเหมือนกำลังอยู่ในโหมดรอดูสถานการณ์ กล่าวคือ หากอัตราว่างงานไม่พุ่งขึ้นและ/หรืออัตราเงินเฟ้อไม่ลดลง คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ อีสเทอร์ จอร์จ ผู้ว่าการเฟดจากแคนซัส ซิตี้ เป็นสมาชิกคนเดียวในเอฟโอเอ็มซี ที่คัดค้านการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการประชุม 3 ครั้งติดกัน โดยเขาแสดงความกังวลว่า การเพิ่มมาตรการกระตุ้นอาจเพิ่มความเสี่ยงเงินเฟ้อและความไม่สมดุลของภาคการเงิน
