บลจ.กสิกรไทย เผยนไทยแนวโน้มยังสดใส แม้มีแรงเทขายทำกำไรช่วงสั้น แนะจับจังหวะเข้าสะสม LTF เชื่อหุ้นไทยโอกาสไปถึง 1,600 จุด ล่าสุดจ่ายเตรียมจ่ายปันผลกอง LTF พร้อมกัน 4 กองรวด รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า มุมมองต่อตลาดหุ้นไทย นายจงรักเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อซึ่งจะส่งผลให้หุ้นมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น โดยตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปกว่า 10% นับว่าค่อนข้างโดดเด่น ส่วนระดับราคาปัจจุบันแม้จะค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอดีต แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ อินเดีย หรือมาเลเซีย จึงเป็นโอกาสที่จะดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้อย่างต่อเนื่อง
“ในแง่ปัจจัยบวก นอกจากเรื่องความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยซึ่งเป็นปัจจัยบวกภายในประเทศแล้ว การที่ธนาคารกลางต่างๆ ยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงิน จะทำให้เม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดเอเชียรวมถึงไทยอย่างต่อเนื่อง โดย บลจ.กสิกรไทยยังคงเป้าหมาย SET Index ที่ 1,570-1,600 จุด และคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ 20% ในส่วนนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีจะมีแรงขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้วกว่า 6,000 ล้านบาท แต่ก็เชื่อว่าเป็นเพียงผลกระทบที่ทำให้เกิดการปรับฐานในระยะสั้น ในทางกลับกันนักลงทุนสถาบันยังคงมีแรงซื้อเข้ามา ทำให้ดัชนีสามารถปรับตัวดีขึ้นได้อีก จึงเป็นโอกาสที่ผู้ลงทุนในกองทุน LTF จะทยอยจับจังหวะเข้าลงทุนได้เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวจากการเติบโตของตลาดหุ้นไทยและเพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีในปีนี้” นายจงรักกล่าวในที่สุด
ล่าสุด บริษัทจะจ่ายเงินปันผล กองทุน LTF จำนวน 4 กองทุน สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2555 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล และกองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล จ่ายเงินปันผลในอัตรากองทุนละ 1.00 บาทต่อหน่วย พร้อมด้วยกองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล ซึ่งจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.90 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล จ่ายในอัตรา 0.70 บาทต่อหน่วย โดยทุกกองทุนข้างต้นจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 กำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 14 มีนาคม นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 1,993.75 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ทั้ง 4 กองทุนในรอบที่ผ่านมานับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ และยังสามารถเอาชนะ Dividend Yield ของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้มากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบ Dividend Yield ของทั้ง 4 กองทุนเฉพาะช่วง 6 เดือนล่าสุดอยู่ในระดับ 3.97-5.13% และหากมองถึง Dividend Yield ตลอดทั้งปี คือ ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 กองทุน LTF ทั้ง 4 กองทุนสามารถให้ dividend yield สูงถึง 5.39- 5.95% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยทั้งปีของตลาดหลักทรัพย์ ณ ช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที่ประมาณ 2.58% เท่านั้น” นายจงรักกล่าว