บลจ.วรรณ คาดเม็ดเงินไหลเข้าตลาดตราสารหนี้เพิ่้มส่งผลให้ผลตอบแทนทุกช่วงอายุปรับลดลง หลังนักลงทุนมองค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่อง พร้อมแนะให้เลือกลงทุนตราสารหนี้ที่มี duration ยาวขึ้น ล่าสุดส่งกองทุนเทอมฟันด์ลงทุน 6 เดือนให้ผลตอบแทน 3.00% ต่อปี ขณะที่ บลจ.กสิกรไทย ส่งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี ชูผลตอบแทน 3.20% ต่อปี เปิดขายไอพีโอพร้อมกันแล้ววันนี้ถึง 3 พ.ค. 56
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์นี้ คาดว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ทุกช่วงอายุน่าจะยังปรับลดลงจากเงินลงทุนไหลเข้าหลังจากนักลงทุนต่างประเทศมองทิศทางค่าเงินบาทแข็งต่อ แนะให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ไทยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่าความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ยังมีอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตลอดไตรมาส 2 ทั้งจากเม็ดเงินลงทุนในประเทศและต่างประเทศ
โดยมีค่าเงินบาทเป็นปัจจัยชี้วัดที่สำคัญของทิศทางตลาดตราสารหนี้ แม้ว่านักลงทุนเริ่มมีความกังวลว่าธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะมีมาตรการใดมาควบคุมการปรับตัวของอัตราแลกเปลี่ยน หลังจากที่อัตราแลกเปลี่ยน THB/USD อยู่ที่ระดับ 28.5 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ การปรับตัวของค่าเงินบาทที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกจะเป็นปัจจัยกดดันให้คณะกรรมการนโยบายการเงินอาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอาจจะปรับตัวลดลง การลงทุนในตราสารหนี้ที่มี duration ยาวจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุนมากกว่าลงทุนในตลาดเงิน (Money Market) โดยจะเห็นว่าผลดำเนินงานนับตั้งแต่ต้นปี (YTD) และไตรมาส 2 ของกองทุนที่ปรับ duration ยาว เช่น กองทุนเปิดเอกตราสารหนี้คืนกำไร (ONE-FAR) อยู่ในระดับประมาณ 3.98% และ 4.86% ตามลำดับ
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับต่ำที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนในอัตราค่อนข้างแน่นอนในช่วงเวลาที่กำหนด แนะนำให้ลงทุนในกองทุนเปิด วรรณ ไฟแนนเชียล อินสตรูเมนท์ 6M/2 (1FIN6M/2) ซึ่งจะเปิดรับคำสั่งซื้อในวันที่ 25 เม.ย. - 3 พ.ค. 56 โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่มีคุณภาพ อายุประมาณ 6 เดือน โดยประมาณการผลตอบแทนที่คาดว่าได้รับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่าย 3.00% ต่อปี จากการลงทุนใน ตั๋วแลกเงินของ บมจ.เอเชียเสริมกิจลิสซิ่ง ร้อยละ 24 บล.เคที ซิมิโก้ ร้อยละ 24 บมจ.บัตรกรุงไทย ร้อยละ 18 เงินฝากของ Bank of China ร้อยละ 24 และ บมจ.ธนาคารทิสโก้ ร้อยละ 10
ทางด้านนายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้เปิดขายกองทุนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีไอ (KFI6MBI) อายุ 6 เดือน ให้ผลตอบแทนประมาณการที่ 3.05% เริ่มไอพีโอแล้ว ถึง 29 เมษายน 2556 เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ และต้องการพักเงินเพื่อรอดูความชัดเจนด้านทิศทางเศรษฐกิจและจับจังหวะเข้าลงทุนต่อไป
ทั้งนี้ ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้อายุ 6 เดือนที่จะเสนอขายในสัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นกว่าสัปดาห์ที่แล้วเล็กน้อย ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสดีและถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดี และให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจภายใต้ความเสี่ยงที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งตราสารหนี้ที่กองทุน KFI6MBI จะเข้าลงทุน ประกอบด้วยเงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี (BBB/Fitch) และเงินฝากเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch) ร่วมด้วยตราสารหนี้ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ตราสารหนี้ Itau Unibanco S.A. และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ที่ AA-(tha), BBB+ และ BBB- ตามลำดับ โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน ซีแอล (KFI3MCL) โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี บีคิว (KFF1YBQ) โอกาสรับผลตอบแทนที่ 3.20% ต่อปี เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้นและพักเงินระยะยาวเพิ่มเติมด้วย โดยกองทุน KFI3MCL ซึ่งมีอายุกองทุนประมาณ 3 เดือน จะเข้าลงทุนในตราสารหนี้ Safeway Inc., สหรัฐอเมริกา (BBB-/Fitch) ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล (BBB-/Fitch) ตราสารหนี้ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (AA-(tha)/Fitch) ร่วมด้วยเงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี (BBB/Fitch) และเงินฝากเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch)
ด้านกองทุน KFF1YBQ ซึ่งมีอายุกองทุนประมาณ 1 ปี จะลงทุนในตราสารหนี้ Standard Bank of South Africa, ประเทศแอฟริกาใต้ (BBB+/Fitch) ตราสารหนี้ Nedbank, ประเทศแอฟริกาใต้ และ Commercial paper ที่รับประกันโดย Sberbank, ประเทศรัสเซีย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชี่อถือจากFitch ที่ระดับ BBB ส่วนที่เหลือจะลงทุนในเงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (A+/Fitch) และเงินฝาก Bank of China, สาขามาเก๊า (A/Fitch) ซึ่งทั้ง 2 กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนเช่นกัน
นอกจากกองทุนตราสารหนี้ 3 เดือน 6 เดือน และ1 ปี ที่มุ่งลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศข้างต้นแล้ว สำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศเลย ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ ไทย 3 เดือน ซีอี (KPPTF3MCE) ซึ่งจะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.60% ต่อปี ได้อีกด้วย