xs
xsm
sm
md
lg

แอสเซทพลัสแนะลงทุนบอนด์สั้น หลังยิลด์พันธบัตระยะยาวผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.แอสเซทพลัส แนะนักลงทุนเลือกลงทุนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น หลังผลตออบแทนพันธบัตรระยะยาวยังมีความผันผวนจากแรงซื้อจากต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดส่งกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือนโรลโอเวอร์

น.ส.ฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า ในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนเมษายนที่ผ่านมาตลาดตราสารหนี้ยังมีแรงซื้อเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1-30 ปี มีการปรับตัวลง 3-25 Basis Point โดยเฉพาะเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอายุ 15 ปีขึ้นไป จากสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในประเทศต่างๆ

โดยล่าสุดประเทศญี่ปุ่นได้อัดฉีดเงินเพิ่มขึ้น 7.5 ล้านล้านเยนต่อเดือนเพื่อเข้าซื้อพันธบัตรในตลาด ซึ่งยังเป็นปัจจัยสนับสนุนให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่การลงทุนในตลาดตราสารหนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางได้มีการขายทำกำไรจากนักลงทุน จึงทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้นมาบ้างระดับหนึ่ง

โดยภาพรวมการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ระยะนี้ แนะนำผู้ลงทุนนำเงินลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงผันผวนอยู่โดยเฉพาะในตราสารระยะยาว โดยผู้ที่ไม่ชอบความความเสี่ยงอาจนำเงินลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นแทน

น.ส.จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนดังกล่าว บริษัทขอแนะนำลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น โดยในวันที่ 25 เมษายน บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสทวีเงินออม 1 (ASP-MMF1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ไทย ที่สามารถพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกิน 50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ที่เสนอขายทุกรอบ 3 เดือน

โดยรอบการลงทุนนี้กองทุนจะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝากธนาคารต่างประเทศ ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วแลกเงินในประเทศ โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 2.90% ต่อปี และในวันที่ 26 ตุลาคม บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดพันธบัตรคุ้มครองเงินต้น 3M1 (GBF-3M1) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ไทย ที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยที่เสนอขายทุก 3 เดือน โดยรอบการลงทุนนี้กองทุนจะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และตั๋วแลกเงินในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 2.60% ต่อปี


กำลังโหลดความคิดเห็น