บลจ.แอสเซท พลัส เตรียมเปิดขาย กองทุนเปิดกองตราสารหนี้ ASP-TFIXED5 อายุประมาณ 6 เดือน ชู ผลตอบแทน 3.00% ต่อปี เผย ผลตอบแทนตราสารหนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ด้าน กสิกร เปิดขาย 4 กองตราสารหนี้ ชู ยิลด์ 2.60% - 3.20% ต่อปี
นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า โดยภาพรวม ณ สิ้นไตรมาส 2/2556 เส้นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล น่าจะมีการเคลื่อนไหวในช่วงแคบ ๆ และมีแนวโน้มในการปรับตัวในทิศทางที่ชันขึ้น ทั้งเศรษฐกิจภายในและต่างประเทศไทย เนื่องจาก ประเมินว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลของแต่ละประเทศมีส่วนช่วยสนับสนุนในเรื่องสภาพคล่องในตลาด
ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่น เริ่มมีการคาดหวังการขยายตัวที่เพิ่มขึ้น จากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น ใช้นโยบายเชิงรุกกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อให้เพิ่มขึ้นสู่เป้าหมายที่ร้อยละ 2 ภายใน 2 ปี โดยนโยบายการเงินหลักที่สำคัญคือการพิจารณาลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงทางการเงิน เช่น Exchange Traded Funds (ETFs) และ Real Estate Investment Trust (REITs) นอกเหนือจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในตลาด และส่งผลต่อราคาของอสังหาริมทรัพย์ได้ หรือแม้แต่ เศรษฐกิจในประเทศไทย ซึ่งปีนี้ คาดการณ์ว่า การขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังคงมาจากการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญ และภาวะการเงินที่เอื้อประโยชน์ต่อการลงทุน ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังคงไม่เป็นปัจจัยกดดันต่อแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ย คาดว่ายังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 0.5 ถึง 3.0
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการขายและการตลาด กล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้ช่วงนี้ ยังคงแนะนำให้ลงทุนในระยะ 3-6 เดือน เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงจากความผันผวนของเส้นอัตราผลตอบแทน โดยในวันที่ 18 เมษายน บริษัทฯ จะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 5 (ASP-TFIXED5) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่สามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศได้ไม่เกิน 79% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้กองทุนจะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลังหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝากธนาคารต่างประเทศ และตั๋วแลกเงินในประเทศ อายุประมาณ 6 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.00%ต่อปี
ด้าน นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ. กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย จะเสนอขาย กองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) ต่อเนื่องอีก 4 กองทุน ระหว่างวันที่ 9 - 12 เมษายน 2556 นี้ โดยจะให้โอกาสรับผลตอบแทนตั้งแต่ 2.60% - 3.20% ต่อปี ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน ซีซี (KPPTF3MCC) โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.60 % ต่อปี กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือนซีเจ (KFI3MCJ) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน บีจี (KFI6MBG) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี บีโอ (KFF1YBO) ซึ่งให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.20% โดยผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ทั้งนี้ จากการที่ กนง.คง ดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.75% บลจ. กสิกรไทยคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวต่อไปถึงสิ้นปี 2556 เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศไทยยังมีการขยายตัวในระดับที่ดี การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา ทวีปยุโรป หรือ ความกังวลในสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องในตลาดโลกที่คาดว่าจะมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาจเป็นเเรงกดดันต่อการเเข็งค่าของเงินบาทในระยะปานกลางได้ รวมถึงการเข้ามาถือครองพันธบัตรไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของต่างชาติ (Non-Resident) ตั้งเเต่ช่วงต้นปี 2556 ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองและอาจะส่งผลต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงครึ่งปีหลัง