หุ้นไทยรีบาวน์ต่อเนื่อง บวกเพิ่มอีก 26 จุดรับปัจจัยบวกจากต่างประเทศโดยเฉพาะมาตรการQE ของสหรัฐฯที่ยังคงดำเนินการต่อไป โบรกฯมอง สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี ค่าบาท หวัดนก และการเทรดวันสุดท้ายก่อนสงกรานต์ยังสร้างแรงขายปรับพอร์ตของนักลงทุน
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (11เม.ย.)ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้ง และมีแรงซื้อเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงท้ายของการซื้อขาย เป็นผลให้ปิดที่1,516.81 จุด เพิ่มขึ้น 26.56 จุด หรือ 1.78% มูลค่าการซื้อขาย 45,106.6ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,516.88 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,490.84 จุด
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงกว่าตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคโดยได้รับปัจจัยบวกจากการยืนยันใช้มาตรการQE ของสหรัฐฯซึ่งทำให้เชื่อว่าเม็ดเงิน 8.5 หมื่นล้านเหรียญยังไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อีกทั้งจากการยืนยันของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)ที่ยังตั้เป้าให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2% ก็ช่วยสนับสนุนโดยพบว่า มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์และสื่อสารเข้ามาเป็นจำนวนมาก
สำหรับมูลค่าซื้อขาย 5 อันดับหลักทรัพย์สูงสุด ได้แก่ SCBปิดที่ 177.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,521.75 ล้านบาท ADVANC ปิดที่243.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,038.833 ล้านบาท SIRIปิดที่ 4.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,753.308 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 203.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,697.175 ล้านบาท และ CK ปิดที่ 24.10 บาทเพิ่มขึ้น 1.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,585.166 ล้านบาท
ขณะที่ mai ปิดที่ 466.90 จุด เพิ่มขึ้น 7.50 จุด หรือ 1.635 มูลค่าการซื้อขาย 2,704.67 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ ประเมินว่า สถานการณ์ที่คาบสมุทรเกาหลี ยังเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้น เช่นเดียวกับการแข็งค่าของเงินบาทละการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ขณะที่ปัจจัยบวกมาจากมาตรการQE สหรัฐฯที่ยังดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับการพิมพ์ธนบัตรและการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารกลางญี่ปุ่น จึงทำให้เกิดแรงซื้อเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทย โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่าตลาดอื่นๆ เพราะก่อนหน้าปรับฐานลงไปแรง
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (12เม.ย.) คาดว่า เป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ ก่อนเข้าสู่เทศกาลจึงน่าจะมีแรงขายจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามากดดันให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก เช่นเดียวกับค่าเงินบาที่เริ่มทรงตัวอยู่ในระดับ 29.00-29.06 บาท โดยรวมยังมีความผันผวนอยู่สูง ประเมินแนวรับที่ 1,490 จุด และ แนวต้านที่1,520 จุด
“ หุ้นไทยอาจจะปรับขึ้นได้ในกรอบจำกัด และอาจมีแรงขายทำไรออกมา เพราะเป็นวันสุดท้ายก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ การปรับตัวของตลาดตอนนี้ ถือว่าแรงกว่าที่คาดเอาไว้ ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนมาจากต่างประเทศ ทั้งการทำสถิติใหม่ของดัชนีดาวโจนส์ และเศรษฐกิจโลกที่เป็นบวกมากขึ้น มองว่าวันนี้ นักลงทุนกลับมาเลือกเก็งกำไรเป็นรายตัว โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อสาร และเล่นดักปันผลกลุ่มธนาคาร และกลุ่มอสังหาฯ ก็ยังไม่มีมาตรการควบคุมสินเชื่อออกมาชัดเจน ในขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นบวก"
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (11เม.ย.)ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้ง และมีแรงซื้อเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงท้ายของการซื้อขาย เป็นผลให้ปิดที่1,516.81 จุด เพิ่มขึ้น 26.56 จุด หรือ 1.78% มูลค่าการซื้อขาย 45,106.6ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,516.88 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,490.84 จุด
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงกว่าตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคโดยได้รับปัจจัยบวกจากการยืนยันใช้มาตรการQE ของสหรัฐฯซึ่งทำให้เชื่อว่าเม็ดเงิน 8.5 หมื่นล้านเหรียญยังไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อีกทั้งจากการยืนยันของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)ที่ยังตั้เป้าให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2% ก็ช่วยสนับสนุนโดยพบว่า มีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์และสื่อสารเข้ามาเป็นจำนวนมาก
สำหรับมูลค่าซื้อขาย 5 อันดับหลักทรัพย์สูงสุด ได้แก่ SCBปิดที่ 177.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,521.75 ล้านบาท ADVANC ปิดที่243.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,038.833 ล้านบาท SIRIปิดที่ 4.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,753.308 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 203.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,697.175 ล้านบาท และ CK ปิดที่ 24.10 บาทเพิ่มขึ้น 1.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,585.166 ล้านบาท
ขณะที่ mai ปิดที่ 466.90 จุด เพิ่มขึ้น 7.50 จุด หรือ 1.635 มูลค่าการซื้อขาย 2,704.67 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ ประเมินว่า สถานการณ์ที่คาบสมุทรเกาหลี ยังเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้น เช่นเดียวกับการแข็งค่าของเงินบาทละการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ขณะที่ปัจจัยบวกมาจากมาตรการQE สหรัฐฯที่ยังดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับการพิมพ์ธนบัตรและการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารกลางญี่ปุ่น จึงทำให้เกิดแรงซื้อเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นไทย โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงกว่าตลาดอื่นๆ เพราะก่อนหน้าปรับฐานลงไปแรง
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (12เม.ย.) คาดว่า เป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ ก่อนเข้าสู่เทศกาลจึงน่าจะมีแรงขายจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้ามากดดันให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก เช่นเดียวกับค่าเงินบาที่เริ่มทรงตัวอยู่ในระดับ 29.00-29.06 บาท โดยรวมยังมีความผันผวนอยู่สูง ประเมินแนวรับที่ 1,490 จุด และ แนวต้านที่1,520 จุด
“ หุ้นไทยอาจจะปรับขึ้นได้ในกรอบจำกัด และอาจมีแรงขายทำไรออกมา เพราะเป็นวันสุดท้ายก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ การปรับตัวของตลาดตอนนี้ ถือว่าแรงกว่าที่คาดเอาไว้ ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนมาจากต่างประเทศ ทั้งการทำสถิติใหม่ของดัชนีดาวโจนส์ และเศรษฐกิจโลกที่เป็นบวกมากขึ้น มองว่าวันนี้ นักลงทุนกลับมาเลือกเก็งกำไรเป็นรายตัว โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อสาร และเล่นดักปันผลกลุ่มธนาคาร และกลุ่มอสังหาฯ ก็ยังไม่มีมาตรการควบคุมสินเชื่อออกมาชัดเจน ในขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเป็นบวก"
