บลจ.ทหารไทย ตั้งเป้า AUM เติบโต 200,000 ล้านบาท หลังปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้น 42% พร้อมเผยกลยุทธ์ลงทุนเน้นสร้างยิลด์แบบ Passive Fund พร้อมรุกตลาดกองสำรองเลี้ยงชีพในระบบ employee choice เน้นสมาชิกเลือกลงทุนด้วยเอง
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2555 ที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินงานทุกภาคส่วนและได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี โดยสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้นกว่า 54220 ล้านบาท คิดเป็น 42.60 เป็น ทำให้สินทรัพย์ (ณ สิ้น ธ.ค. 2555) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 181,471 ล้านบาท เติบโตขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 ของอุตสาหกรรม และคาดว่าในปีนี้จะเติบโตถึง 200,000 ล้านบาท
ส่วนแผนกลยุทธ์ในปีนี้มีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าซึ่งปัจจุบันอยู่ที่จำนวน 7 หมื่นกว่ารายให้เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนราย โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางกองทุนใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการรักษาผลตอบแทนให้อยู่ในระดับที่ดีกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยการเป็นผู้นำด้านการบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Investment) และมีการลงทุนในรูปแบบ Passive Fund ให้เป็นทางเลือกทางการลงทุนที่เหมาะ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านรายได้ที่มีการกระจายตัวมากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ดังนั้น การลงทุนที่ตอบโจทย์การลงทุน และมีความเสี่ยงที่ไม่มากเกินไป กองทุนที่ลงทุนในหุ้น กลุ่ม SET50 หรือ JUMBO 25 จึงเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์การลงทุนต่อไปได้ โดยเฉพาะในเรื่องของราคาที่ค่อยเป็นค่อยไป
“การลงทุนในแแบบ Passive Fund ต้องเป็นการลงทุนในระดับที่สามารถให้ผลตอบแทนได้ดีใกล้เคียงกับดัชนีต่อไป ซึ่งในการเลือกหุ้นในรูปแบบดังกล่าวของ บลจ.ทหารไทย จึงเป็นการตอบโจทย์การกระจายการลงทุนได้ดีที่สุด และมีความสามารถในการทำกำไรที่เป็นปัจจัยในความสำเจ็จของการลงทุน” นายสมจินต์กล่าว
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ โดยเฉพาะตราสารหนี้ต่างประเทศนั้น ในตอนนี้มองว่าการลงทุนควรเป็นแบบกลยุทธ์โดยการเลือกตราสารหนี้ในประเทศที่ดี หลีกเลี่ยงในหลายประเทศที่มีฐานะทางการคลังที่ไม่มีความมั่นใจ และไม่ควรลงทุนในบอนด์ที่ยาวเพราะอัตราดอกเบี้ยจะมีความผันผวนได้รวมทั้ง รวมไปถึงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
สำหรับในส่วนของกองทุนรวมและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น บลจ.ทหารไทยมีความพร้อมในเรื่องระบบ ที่จะให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจลงทุนด้วยตนเองในรูปแบบ employee choice และการให้ความรู้แก่นักลงทุน และการทำงานร่วมกับตัวแทนขายให้มากขึ้นและการให้ความรู้ผ่านสื่อต่างๆ มากขึ้น
“กองทุนสำรองเลี้ยงชีพในอุตสาหกรรมมีการแข่งขันกันมากขึ้นนั้น ทาง บลจ.ทหารไทย เราก็จะเน้นแข่งขันในเรื่องของการให้ความรู้และเรื่องการบริการ เพราะการให้ความรู้และการเลือกลงทุนเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับกาลงทุน พร้อมกับการสมาชิกใหม่ๆ ที่เป็นองค์กรที่มีความรู้ในเรื่องของการลงทุน ที่ต้องการสร้างการเติบโตจากการลงทุน ทั้งกลุ่มบริษัทจดทะเบียน และกลุ่มลูกค้าที่เป็นรัฐวิสาหกิจที่เราเน้นการให้บริการด้านระบบที่ตอบโจทย์การลงทุนอย่างแท้จริง”นายสมจินต์กล่าว