บลจ.วรรณประเมินการประชุม กนง.ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% แม้ได้รับแรงกดดันจากรัฐบาล และมีโอกาสสูงที่จะลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป พร้อมแนะทยอยสะสินทรัพย์เสี่ยง ใช้กองทุนอีทีเอฟเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด ประเมินว่า ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้มีความเป็นไปได้ที่ กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากภาครัฐ อย่างไรก็ดี หากเงินเฟ้อยังปรับลดลงต่อเนื่อง มีโอกาสสูงที่กนง.อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป
“แม้ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนมกราคมที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศออกมาอยู่ที่ระดับ 3.39% ลดลงจากเดือนธันวาคมที่ระดับ 3.63% แต่โดยรวมอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของประเทศยังติดลบอยู่ ทำให้ บลจ.วรรณเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้น่าจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ หากอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่องในเดือนกุมภาพันธ์ ประกอบกับค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมรอบถัดไป”
อย่างไรก็ตาม เรายังคงมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้น โดยเชื่อว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพคล่องยังล้นระบบ ซึ่งสำหรับผู้ต้องการปรับพอร์ตไปลงทุนในหุ้นมากขึ้น โดยแนะนำให้ทยอยเก็บสะสมหุ้นเพิ่มเติมในช่วงที่ตลาดน่าจะมีโอกาสปรับลดลงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จากแรงเทขายทำกำไรหลังจากที่ตลาดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยนักลงทุนน่าจะใช้โอกาสที่หมดช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4 เป็นจังหวะในการ lock profit ทั้งนี้ แนะนำว่านักลงทุนอาจใช้กองทุนอีทีเอฟเป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงแทนการเลือกหุ้นรายตัว
“ปัจจุบันกองทุนตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาลงทุนแน่นอนแบบ Term Fund อัตราผลตอบแทนค่อนข้างต่ำและมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังมีโมเมนตัมการปรับตัวจาก fund flow บนปัจจัยพื้นฐานหุ้นที่สนับสนุนอยู่ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ควรเพิ่มสัดส่วนในหุ้น โดยสามารถใช้กองทุนประเภทอีทีเอฟช่วยบริหารเพิ่มผลตอบแทน การลงทุนในอีทีเอฟนั้นไม่ยาก นักลงทุนสามารถลงทุนได้เหมือนกับหุ้นทั่วไป โดยได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีที่อ้างอิง”
ทั้งนี้ ในขณะที่ดัชนีปรับตัวขึ้น การเลือกหุ้นรายตัวอาจจะมีข้อจำกัดและมีความเสี่ยง การลงทุนในอีทีเอฟที่มีตัวแปรอ้างอิงเป็นดัชนีหลักทรัพย์เช่น TDEX หรือ TH100 น่าจะเป็นเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะสมช่วงนี้ ซึ่งจะช่วยกระจายการลงทุนและปรับตัวตามดัชนีตลาด โดยปัจจุบันกองทุนอีทีเอฟเป็นที่รู้จักและซื้อขายมากขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้คาดว่าหุ้นขนาดกลางยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากกลุ่มหลักทรัพย์ที่ได้รับผลดีจากนโยบายสนับสนุนภาครัฐ การลงทุนใน TH100 อีทีเอฟก็จะมีความน่าสนใจ