บลจ.กสิกรไทยตั้งเป้ากองทุนส่วนบุคคลโตเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท เน้นลูกค้ากลุ่มมหาวิทยาลัยเป็นหลัก ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งเป้าโตเพิ่มอีก 1 หมื่นล้านบาท เน้นกลุ่มลูกค้าใหม่ SME หวังรักษาแชมป์อันดับ 1
นายเกษตร ชัยวันเพ็ญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์กองทุนส่วนบุคคลในปีนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท โดยจะขยายกลุ่มลูกค้าประกันชีวิตของต่างประเทศ และกลุ่มลูกค้ามหาวิทยาลัย ขณะนี้เริ่มมีลูกค้าสหกรณ์ออมทรัพย์ที่มีเงินเหลือเข้ามาลงทุนด้วย
“ปีนี้ยังคงจะเน้นเจาะลูกค้ามหาวิทยาลัยอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้ยื่น TOR เข้าไปประมาณ 2-3 ราย ส่วนที่ทำไปแล้วจะมีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนิด้า สำหรับลูกค้าส่วนบุคคล บริษัทกำลังพยายามสร้างสิทธิให้เข้ารูปของแต่ละบุคคลเพื่อให้เหมาะสมกับการลงทุน โดยหน้าที่ของเราต้องปรับอินโนเวทีฟ”
อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมากองทุนส่วนบุคคลทั้งระบบไม่ค่อยโตมากนัก เพราะมีเงินกองทุนของสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ที่จ้าง บลจ.หลายแห่งบริหารได้ทยอยครบอายุการลงทุนและในปีนี้ก็จะมีส่วนที่ครบอายุอีก โดยในส่วนของ บลจ.กสิกรไทยปีนี้จะครบอายุประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ทำให้เม็ดเงินหายไป จึงตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ให้กลับมาอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาทไว้ แต่หากไม่นับรวมเงินกองทุนของ สบน.ที่ครบอายุไปในปีที่ผ่านมา สินทรัพย์ของบริษัทก็ยังเติบโตทั้งลูกค้าสถาบันและลูกค้ารายบุคคล
ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งระบบ ณ สิ้นปี 2555 มีมูลค่าสินทรัพย์ 696,144 ล้านบาท โดย บลจ.กสิกรไทยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารอยู่ที่ 153,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 2 หมื่นล้านบาท หรือ 15% จากปี 2554 ทิ้งห่างอันดับสองประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 1 หมื่นล้านบาท หรือ 10-15%
“การเติบโตของธุรกิจอาจไม่ค่อยสูงมากนัก เนื่องจากฐานของบริษัทค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่จัดตั้งกองทุนแล้ว จึงต้องมุ่งไปภาคเอกชนซึ่งขนาดกองทุนไม่ได้ใหญ่มาก โดยฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่บริษัทจะเข้าไปคือกลุ่ม SME แต่อย่างไรก็ตามยังน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องค่าแรง 300 บาท ซึ่งตรงนี้ต้องดูไปอีกระยะหนึ่ง”
นายเกษตร กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้าที่จะคงความเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเอาไว้อย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตไม่น้อยไปกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่เอาไว้ทั้งในส่วนของรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชน รวมทั้งมุ่งเน้นการขยายตลาดใหม่ควบคู่กันไปด้วย เพราะบางรัฐวิสาหกิจที่มีขนาดใหญ่อาจจะเริ่มแบ่งให้ บลจ.มาร่วมบริหารมากกว่า 1 แห่ง ตรงนั้นบริษัทก็จะเข้าไปขอแชร์ตลาดด้วยเช่นกัน
“กองทุนสำรองเลี้ยงชีพปีนี้น่าจะโตเพิ่มขึ้นอีก 10-15% โดยเราจะรักษาแชมป์อันดับ 1 ไว้ ซึ่งเราจะเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าแบบ Employee's Choice ปัจจุบันนี้สมาชิกกองทุนมีความเข้าใจเรื่องการลงทุนมากขึ้น และกล้าลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าพยายามที่จะหาตราสารมากขึ้น หรือลงทุนในทองคำมากขึ้น รวมทั้งในต่างประเทศด้วย โดยที่ผ่านมาสมาชิกที่ลงทุนในตราสารหนี้ผลตอบแทนก็จะได้ประมาณ 3% แต่หากลงทุนในหุ้นด้วยผลตอบแทนก็ค่อนข้างดีในปีที่ผ่านมา”