นักวิเคราะห์กองทุนรวมแนะนักลงทุนระยะยาวเก็บกองทุนจีนเข้าพอร์ตหลังเศรษฐกิจแดนมังกรเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น พร้อมชูกองทุน ABCG ของ บลจ.อเบอร์ดีน มองความเสี่ยงเงินเฟ้อ และนโยบายการเงินที่เข้มงวดอาจทำให้กองทุนจีนระยะสั้นยังมีความผันผวนได้
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund Super Mart Analyst บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าววว่า ความผันผวนของราคาสินทรัพย์เสี่ยงยังอยู่ในกรอบจำกัดต่อไป โดยการปรับตัวขึ้นของราคายังจำกัดอยู่ด้วยความเสี่ยงที่ต้องจับตามองกันต่อไป ทั้งผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่, ความคืบหน้าการเจรจาปรับลดงบรายจ่ายของรัฐบาล และเพดานหนี้ นอกจากนี้ยังต้องติดตามการประกาศตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่กำลังฟื้นตัวว่ามีความต่อเนื่องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลดลงของราคาสินทรัพย์เสี่ยงยังคงมีจำกัดเช่นเดียวกัน เนื่องจากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในช่วงที่ผ่านมา และนักลงทุนต้องการสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น ยังคงเป็นตัวสนับสนุนราคาสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป
โดยเรายังคงแนะนำ Wait and See ต่อไป สำหรับช่วงนี้พอร์ตการลงทุนระยะยาวโดยรวมยังคงไว้ตามเดิมต่อไป กองทุนแนะนำยังคงเป็น PCASH ของ บลจ.ฟิลลิป, FAM VF ของ บลจ.ฟินันซ่า และ SCBTMFPLUS ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น เราแนะนำกองทุนจีนสำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนระยะยาว โดยกองทุนจีนที่แนะนำยังคงเป็นกองทุน Aberdeen China Gateway (ABCG) ของ บลจ.อเบอร์ดีน โดยความเสี่ยงเงินเฟ้อ และนโยบายการเงินที่เข้มงวดอาจทำให้กองทุนจีนระยะสั้นยังมีความผันผวนได้
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่ปรับตัวผันผวน โดยดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ยังคงรอปัจจัยใหม่ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ในสัปดาห์นี้ หลังจากปรับขึ้นจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีของทั้งสหรัฐฯ และข้อมูลส่งออกของจีน ทำให้ดัชนี DowJones ยังคงปิดในแดนบวกได้เล็กน้อยที่ 13,488.43 จุด (+0.40% WoW) เช่นเดียวกับ S&P 500 ที่ปิดที่ 1,472.05 จุด (+0.35% WoW) ขณะที่ดัชนีหุ้นยุโรปปรับตัวผันผวน โดยธนาคารกลางยังคงนโยบายการเงินไว้เท่าเดิม ขณะที่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ทำให้โดยรวมดัชนี DAX ของเยอรมนี, ดัชนี CAC-40 ของฝรั่งเศส ปรับตัวลดลงปิดที่ 7,715.53 จุด (-0.78% WoW), 3,706.02 จุด (-0.64% WoW) ตามลำดับ ขณะที่ดัชนี FTSE-100 ของอังกฤษปิดปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 6,121.58 จุด (+0.52% WoW) นอกเหนือจากความคืบหน้าการเจรจาปรับลดงบรายจ่ายและเพดานหนี้สหรัฐฯ โดยในสัปดาห์นี้ให้จับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ โดยสัปดาห์นี้จะมีMorgan Stanley, eBay, Goldman Sachs, Bank of America, Citigroup, Intel และGeneral Electric
ส่วนตัวเลขการส่งออกที่ดีและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนทำให้ดัชนีราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ข้อมูลด้านเงินเฟ้อที่ออกมามากกว่าคาด ทำให้ความคาดหวังที่จีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมลดลง กดดันตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนี Shanghai A-Share ปิดที่ 2,348.10 จุด (-1.51%WoW) เช่นเดียวกับดัชนี Hang Seng Index ที่ปิดปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 23,264.07 จุด(-0.29% WoW) อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นยังคงได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางจะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่า หนุนดัชนี Nikkeiปิด 10,801.57 จุด (+1.06% WoW) ส่วนตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายทำกำไรในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากซิตี้กรุ๊ปปรับลดอันดับความน่าลงทุนของไทยลงจาก Overweight สู่ Neutral ทำให้ SET Index ปิดสัปดาห์ที่แล้วที่ 1,412.06 จุด (-0.32% WoW)
ขณะเดียวกัน แม้ว่าอุปสงค์น้ำมันจะเป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมัน แต่ข่าวดีจากการที่ซาอุดีอาระเบียปรับลดกำลังการผลิตลงตามอุปสงค์ที่ลดลง ทำให้ราคาน้ำมันยังคงทรงตัวอยู่ได้ โดยราคาน้ำมันดิบ Nymex ปิดที่ 93.56 US$/bbl (+0.50% WoW) ขณะที่การขยายท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ลดส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันดิบ Nymex กับ Brent ทำให้น้ำมันดิบ Brent กลับปิดลดลงอยู่ที่ 110.82 US$/bbl (-1.62% WoW) ส่วนราคาทองคำยังคงทรงตัวปิดที่ $1,661.42 US/oz (+0.35% WoW)