- รัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศ G20 เห็นพ้องต้องกันว่า จะงดเว้นการแข่งขันกันลดค่าเงินของประเทศตนเองเนื่องจากเห็นว่าความผันผวนมากเกินไปของอัตราแลกเปลี่ยนจะส่งผลเสียต่อความมั่นคงทางการเงินและเศรษฐกิจโดยรวม โดยการใช้นโยบายการเงินนับจากนี้ควรมีเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคา และกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะต้องลดผลกระทบที่มีต่อประเทศอื่นให้น้อยที่สุด นอกจากนี้ ประเทศกลุ่ม G20 เห็นว่าความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจโลกได้ลดลงแล้ว แต่อัตราการขยายตัวยังอยู่ในระดับที่อ่อนแอเกินไป
- นักวิเคราะห์จาก Citigroup ให้มุมมองต่อ สงครามอัตราแลกเปลี่ยน (Currency War) ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ว่า จะไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ในระยะยาว เพราะแม้ว่าการทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น แต่จะทำให้ไม่เกิดการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันที่แท้จริง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการขยายตัวในระยะยาว อีกทั้งประเทศอื่นๆ ก็จะตอบโต้ด้วยการลดค่าเงินเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ยังส่งผลข้างเคียงอื่นด้วยอย่างกรณีญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นต้องนำเข้าสินค้าในราคาแพงขึ้นโดยเฉพาะพลังงาน ซึ่งจะส่งผลต่อบริษัทขนาดเล็กและกลางในประเทศ และถึงแม้การลดค่าเงินจะทำให้กำไรของบริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นดีขึ้น แต่บริษัทเหล่านี้ล้วนแต่มีแนวโน้มจะขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ จึงจะไม่ส่งผลช่วยต่อการจ้างงานในประเทศเท่าใดนัก
- ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน ม.ค.ลดลง 0.6% เมื่อเทียบทั้งเป็นรายเดือนและรายปี สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าช่วงต้นปีนี้จะขยายตัวขึ้น ทั้งนี้ เป็นผลจากสภาพอากาศที่ย่ำแย่ มีหิมะตกหนักจนทำให้ร้านค้ารายย่อยจำนวนมากต้องปิดทำการ
- ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐในเดือน ม.ค.ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 79.1% ลดลงจาก 79.3% ในเดือน ธ.ค. เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ มีปริมาณการผลิตลดลง
- รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงต้นเดือน ก.พ.ว่าปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 76.3 จุด จาก 73.8 จุดในเดือน ม.ค. และดัชนีคาดการณ์เงินเฟ้อในรอบ 1 ปีข้างหน้ายังทรงตัวอยู่ที่ 3.3% ทั้งนี้ คนอเมริกันมีความเชื่อมั่นมากขึ้น แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาจะเผชิญกับอัตราจัดเก็บภาษีที่สูงขึ้น ซึ่งได้เริ่มใช้ตั้งแต่ต้นปีนี้ รวมถึงราคาเชื้อเพลิงที่ปรับเพิ่มขึ้น
- FED สาขานิวยอร์ก รายงานดัชนี Empire State Manufacturing Index เดือน ก.พ.ว่า เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 10 จุด ในขณะที่เดือน ม.ค.เป็น -8 จุด จึงอยู่ในแดนบวกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว บ่งชี้ว่ากิจกรรมของธุรกิจภาคการผลิตในรัฐนิวยอร์กและบริเวณใกล้เคียงกำลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น (ดัชนีที่สูงกว่า 0 แสดงถึงการขยายตัวของภาคการผลิต)
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนของสหรัฐ ประกาศจะเข้าซื้อกิจการของ บริษัท เอช.เจ. ไฮน์ซ์ ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ ด้วยวงเงินมูลค่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในปีนี้ ซึ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการในอุตสาหกรรมอาหารครั้งใหญ่ที่สุดของโลก โดยเขามองว่า ธุรกิจของไฮน์ซมีความแข็งแกร่ง และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีก ทั้งนี้ บริษัทไฮน์ซก่อตั้งขึ้นในปี 2412 โดยเป็นผู้จำหน่ายซอสมะเขือเทศ ซอสชนิดต่างๆ ซุปสำเร็จรูป กับผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ และมีการดำเนินกิจการในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก
- ก.พาณิชย์จีน รายงานว่า ยอดค้าปลีกช่วงตรุษจีนปีนี้ขยายตัว 14.7% ขยายตัวน้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552(ตรุษจีนปีก่อนที่ขยายตัว 16.2%) โดยสาเหตุหนึ่งคือการที่ สี จิ้นผิง ผู้นำคนใหม่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนประกาศใช้มาตรการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นและการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย
- สศค.รายงานรายได้รัฐบาลสุทธิเดือน ม.ค. ว่าจัดเก็บได้ 161,697 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 12.3% และสูงกว่าเดือน ม.ค.ปีก่อน 20.1% สะท้อนว่าเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะความต้องการภายในประเทศที่ขยายตัวได้ดี ส่งผลให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 648,698 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 11.5% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 56 (ต.ค.55-ม.ค.56)
- พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลจะยังสนับสนุนการผลิตก๊าซชีวภาพอัด (ซีบีจี)เนื่องจากนำมาใช้ทดแทนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ได้โดยมีต้นทุนการผลิตและการขนส่งที่ต่ำกว่ามาก เพราะผลิตด้วยวัตถุดิบทางการเกษตรซึ่งหาได้ง่ายในต่างจังหวัด
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มีโอกาสมากขึ้นที่ กนง.จะมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%เนื่องจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการแข็งค่าของเงินบาทอาจส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลไทยกับสหรัฐที่ค่อนข้างสูงอาจดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำอาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินและเศรษฐกิจในระยะยาว เพราะอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่ติดลบจะกระทบต่อการออมของภาคครัวเรือน และเพิ่มความเสี่ยงด้านปัญหาหนี้ครัวเรือน
- SET Index ปิดตลาดที่ 1,521.52 จุด ลดลง 5.22 จุด หรือ -0.34% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54,524 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,896 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเซีย หลังจากตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของญี่ปุ่นและประเทศในแถบยุโรปออกมาแย่กว่าที่คาด ส่งผลให้หุ้นในหมวดพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งเป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ปรับตัวลดลง
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยส่วนใหญ่ โดยเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง +0.02% ซึ่งเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันที่อัตราผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้น หลังจากที่ปรับลดลงเมื่อช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้า
- จอร์จ โซรอส ลดการลงทุนใน SPDR ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองคำลง 55% ในช่วงไตรมาส 4/55 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนอีกหลายรายที่ลดการลงทุนในทองคำลงเนื่องจากเศรษฐกิจโลกทีมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้เปลี่ยนไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างเช่น หุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรม