นักวิเคราะห์กองทุนรวมมองการเจรจาแก้ปัญหา Fiscal Cliff จะยังไม่มีความคืบหน้าต่อ คาดยังเป็นประเด็นใหญ่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกต่อ แต่ส่วนใหญ่นักลงทุนยังมีมุมมองที่ดี พร้อมมองดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,340-1,360จุด แนะทยอยเก็บสะสมกองทุน LTF -RMF ต่อ
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund Super Mart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า การเจรจาแก้ปัญหา Fiscal Cliff จะยังไม่มีความคืบหน้า แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีมุมมองที่ดี และยังมีความหวังที่จะผ่านพ้นภาวะ Fiscal Cliff ไปได้ด้วยดีก่อนคริสต์มาสนี้ ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องจับตาปัญหานี้อย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยง หากยังยืดเยื้อต่อไปจนใกล้เส้นตายเมื่อไหร่ อาจทำให้เกิดความผันผวนขึ้นอีกได้ อย่างไรก็ตาม SET Index สัปดาห์ที่แล้วปรับตัวขึ้นเกินคาด ทำจุดสูงสุดใหม่ ทำให้แนวโน้ม SET Index ยังคงสดใสแต่เชื่อว่า การปรับตัวขึ้นยังมีกรอบที่จำกัดอยู่ โดยมองแนวต้านอยู่ที่ 1,340 - 1,360 จุด ส่วนการลงทุนใน LTF และ RMF เรายังคงแนะนำให้เริ่มทยอยสะสมต่อไปอย่างที่เคยได้แนะนำกันไปแล้ว และการที่ราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีแนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นในระยะสั้นไม่ได้ทำให้เราปรับคำแนะนำในขณะนี้
ทั้งนี้ความไม่แน่นอนของการเจรจา Fiscal Cliff เป็นความเสี่ยงที่เรามองว่า ไม่ค่อยคุ้มที่จะเข้าไปเสี่ยง รอผลสรุป FiscalCliff ให้ชัดเจน ก่อนเราจะพิจารณาปรับพอร์ตกองทุนรวมอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบัน เรายังคงให้น้ำหนักการถือกองทุนตลาดเงินไว้ตามเดิม เพื่อรักษาเงินต้นไว้เป็นสำคัญ โดยมีกองทุนแนะนำได้แก่ PCASH ของ บลจ. ฟิลลิป, FAM VF ของ บลจ. ฟินันซ่า และ SCBTMFPLUSของ บลจ. ไทยพาณิชย์
การเจรจาแก้ไขปัญหาหน้าผาทางการคลัง หรือ Fiscal Cliff ยังไม่มีความชัดเจน แต่นักลงทุนยังคงมีความหวังเชิงบวกที่การเจรจาจะผ่านไปได้ด้วยดี ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยส่วนใหญ่ยังคงทรงตัวถึงปรับตัวขึ้นต่อในสัปดาห์นี้ โดยดัชนี Dow Jones ปรับขึ้นต่ออีกเล็กน้อย ปิดที่ 13,025.58 จุด (+0.12% WoW) เช่นเดียวกับ S&P 500 ที่ปิดที่ 1,416.26 จุด (+0.50% WoW) และนอกจากความหวังเชิงบวกต่อภาวะ Fiscal Cliff แล้ว ปัญหาหนี้ยุโรปยังผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อเจ้าหนี้ตกลงให้ความช่วยเหลือกรีซต่อไป โดยดัชนี DAX ของเยอรมัน, ดัชนี CAC-40 ของฝรั่งเศส และFTSE-100 ของอังกฤษปรับตัวขึ้นมาปิดที่ 7,405.50 จุด (+1.32% WoW), 3,557.28 จุด (+0.81% WoW)และ 5,866.82 จุด (+0.82% WoW) ตามลำดับ
"แม้ว่าตลาดยังมีความหวังในทางที่ดีต่อภาวะ Fiscal Cliff และหากมีความชัดเจน และผลการเจรจา Fiscal Cliff ออกมาเป็นที่น่าพอใจของนักลงทุน ราคาสินทรัพย์เสี่ยงจะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไป โดยมีแรงหนุนจากสภาพคล่องจำนวนมหาศาล แต่การเจรจาที่ยังไม่มีผลชัดเจนในขณะนี้โอกาสที่ราคาสินทรัพย์เสี่ยงจะปรับตัวผันผวนตามความคืบหน้าภาวะ Fiscal Cliff ยังมีอยู่ ดังนั้น ระยะสั้นยังต้องระมัดระวังต่อไป"
ทางด้านดัชนีตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามปัจจัยจากฝั่งตะวันตกไม่ว่าจะเป็นความหวังเชิงบวกต่อภาวะ Fiscal Cliff และปัญหาหนี้ยุโรปที่ดูดีขึ้น ทำให้ดัชนี Hang Seng Index ปรับตัวขึ้นต่อเช่นเดียวปิดที่ 22,030.39 จุด (+0.53% WoW)กับดัชนี Nikkei ที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาปิดที่ 9,446.01 จุด (+0.85% WoW) อย่างไรก็ตามแม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนีภาคการผลิตพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบหลายเดือนทำให้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจดูดีขึ้น แต่การที่รัฐบาลจีนยังคงเข้มงวดต่อนโยบายการเงินทำให้ดัชนี Shanghai A-Share ปรับลดลงมาปิดที่ 2,073.24 จุด (-2.34% WoW) ส่วนตลาดหุ้นไทย SET Index ปรับตัวขึ้นแรงปิดที่ 1,324.04 จุด (+3.30% WoW) ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง คลายความกังวลปัญหา
การเมืองภายใน และปัจจัยภายนอกหนุน
ในส่วนของราคาน้ำมันนั้นความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงทำให้ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงได้ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีความกังวลต่อภาพเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง และความไม่แน่นอนของภาวะ Fiscal Cliff ทำให้ราคาน้ำมันแกว่งตัวในกรอบจำกัดสัปดาห์นี้
ส่วนตลาดตราสารหนี้ในระยะนี้หลังจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา สัปดาห์ที่แล้วเริ่มเห็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวกลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 5 ปี และ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น +8 Bps. อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอายุ 6 เดือน และ 1 ปี ปรับตัวเพียงเล็กน้อย +1 Bps.ตามลำดับ