กรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิตย้ำ สัมพันธ์แบงก์กรุงไทยแน่นปึ้กแม้มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ลั่นรุกตลาดประกันชีวิตเต็มสูบ หวังติด 1 ใน 2 ส่วนแบ่งการตลาดมากสุดในอุตสาหกรรม
นายไมค์เคิล แพล็กซ์ตัน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารกรุงไทย แม้ทางธนาคารจะมีการปรับปรุงโครงสร้างผู้ถือหุ้นธุรกิจประกันชีวิตและประกันภัยก็ตาม
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นดังกล่าว ธนาคารกรุงไทยได้มีการจัดตั้ง “บริษัท กรุงไทย ร่วมทุน จำกัด” หรือ “KTB Capital Holding Company Limited” โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างฯ โดยบริษัทกรุงไทยร่วมทุนจะซื้อและเข้าถือหุ้นในบริษัทประกันภัยและประกันชีวิตแทนธนาคาร ซึ่งไม่กระทบต่อตัวธุรกิจของบริษัทรวมถึงการเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกันแต่อย่างใด เพราะบริษัทโฮลดิ้งดังกล่าวธนาคารเป็นผู้ถือหุ้น 100% ความร่วมมือทางธุรกิจยังคงเป็นไปในทิศทางเดิม
“ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะยังคงเป็นผู้นำในการส่งรายได้ค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารกรุงไทยเมื่อเทียบกับบริษัทในเครือของธนาคารกรุงไทยทั้งหมดอย่างต่อเนื่องของทุกปีโดยในปีนี้ค่าธรรมเนียมที่ธนาคารจะได้รับจากบริษัทจะยังอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกับช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากช่องทางการขายผ่านธนาคาร (แบงก์แอสชัวรันซ์) มีการเติบโตค่อนข้างดีมาก ประกอบกับธนาคารให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการสนับสนุนธุรกิจประกันฯ ของบริษัท”
นายไมค์เคิลกล่าวอีกว่า ส่วนการดำเนินงานหลังจากนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดให้ติดอันดับ 1 ใน 2 ของอุตสาหกรรมประกันชีวิต ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดด้านเบี้ยรับรวมอยู่ในที่ 10.6% หรืออันดับ 5 ในอุตสาหกรรม
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทมีเบี้ยรับปีแรก 4,613 ล้านบาท คิดเป็น 148% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมามีกำไร 1.1 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เบี้ยรับรวมอยู่ที่ 12.8 พันล้านบาท เติบโต 33% มาจากยอดขายของเบี้ยรับปีแรกและอัตราความยั่งยืนของกรมธรรม์ที่อยู่ในระดับดี สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคงในฐานะทางการเงิน นอกจากเบี้ยประกันรับที่เพิ่มขึ้นอัตราการบริหารค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับ 6.6% ลดลงจากปีที่แล้วที่ระดับ 7%
ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่าย 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ ช่องทางตัวแทน ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร และช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธุรกิจองค์กร ช่องทางตัวแทนเติบโตเพิ่มขึ้น 49% จากปี 2554 โดยมีเบี้ยรับปีแรกที่ 2,009 ล้านบาท มาจากพื้นฐานของช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธนาคารมีเบี้ยรับปีแรกที่ 2,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยยอดขายที่เติบโตขึ้นมาจากการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทกับธนาคารกรุงไทย ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ 3 คือ ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านธุรกิจองค์กร ในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายได้ 169 ล้านบาท โดยเน้นการทำตลาดพัฒนาโอกาสทางธุรกิจในตลาดองค์กรเพิ่มมากขึ้น
ด้านสินทรัพย์จากการลงทุนเติบโตขึ้น 39% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม 2554 ที่ระดับ 60.5 พันล้านบาท การจัดสรรสินทรัพย์ของบริษัทฯ ในปัจจุบันยังคงที่ คล้ายกับการจัดการในช่วงสิ้นปี 2554 ซึ่งแบ่งเป็นหุ้น 10% หุ้นกู้เอกชน 21% พันธบัตรรัฐบาล 62% เงินกู้ยืมตามกรมธรรม์ 2% และเงินฝากระยะสั้นและเงินสด 5%
