xs
xsm
sm
md
lg

Good Morning News 6 ธันวาคม 2555 จาก กองทุนบัวหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดยวรวรรณ ธาราภูมิ และทีมงาน

General News
------------------

• รมว.คลังยูโรโซนเชื่อมั่นว่ากรีซจะประสบความสำเร็จในการซื้อคืนพันธบัตรวงเงิน 10 พันล้านยูโรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2023-2042 ซึ่งจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยและแก้ปัญหาหนี้สาธารณะให้ลดลง 11% จาก 144% ของ GDP

• จำนวนผู้ขอสวัสดิการกรณีว่างงานในสเปนเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์มาอยู่ที่ 4.9 ล้านราย โดยมีอัตราว่างงาน 25% ซึ่งเป็นผลมาจากการเลิกจ้างในภาคการเงินหลังธนาคารหลายแห่งต้องลดต้นทุนและเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน

• การส่งออกของเยอรมนีในไตรมาส 3 ปีนี้เพิ่มขึ้น 3.6% มีมูลค่าทั้งสิ้น 2.754 แสนล้านยูโร (3.60 แสนล้านดอลลาร์) โดยมีปัจจัยผลักดันสำคัญจากการส่งออกไปยังตลาดนอก EU ได้ในสัดส่วน 44.4% ของการส่งออกทั้งหมด

• ธ.กลางออสเตรเลียลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 3% ต่ำสุดในรอบ 25 ปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังการจ้างงานลดลงและอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
• หอการค้าอังกฤษ (BCC) ชี้ว่า เศรษฐกิจใน 2 ปีข้างหน้าจะขยายตัวได้อ่อนแอกว่าคาด เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและอังกฤษใช้มาตรการรัดเข็มขัด ทำให้การอุปโภคบริโภคภาคครัวเรือนซบเซา และลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ และปี 2014 จาก 1.2% และ 2.2% สู่ 1.0% และ 1.8% ตามลำดับ

• ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ปฏิเสธวิธีหลีกเลี่ยง Fiscal Cliff ที่พรรครีพับลิกันเสนอ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของบารัค โอบามา ที่จะขึ้นภาษีคนรวย

แผนของรีพับลิกันระบุว่า จะลดอัตราภาษีคนรวย และบังคับให้ชนชั้นกลางต้องจ่ายเพิ่ม โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะยกเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีอันใด จะปิดช่องโหว่ด้านภาษีที่ไหน และจะประหยัดเงินในโครงการเมดิแคร์ (ประกันสุขภาพสำหรับคนชรา) ได้อย่างไร

• 40% ของคนอเมริกันที่ตอบผลสำรวจความคิดเห็นวิตกว่า สหรัฐฯ อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยง Fiscal Cliff และเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง

ทั้งนี้ บารัค โอบามา ได้พยายามเรียกร้องให้สมาชิกสภานิติบัญญัติเร่งทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังดังกล่าว

• FED อาจจะซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 85 พันล้านดอลลาร์/เดือน หลังจากมาตรการ Operation Twist สิ้นสุดลงในเดือนนี้ โดยจะพิจารณาความเหมาะสมที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการเงินดังกล่าวจากปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากอัตราการว่างงานที่ยังสูง และจากอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำ

ทั้งนี้ ปัจจุบัน FED ซื้อตราสารหนี้ราว 40 พันล้านดอลลาร์/เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยระดับใกล้เคียง 0% ไปจนถึงกลางปี 2015

• ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ เดือน พ.ย.พุ่งขึ้น 15% สู่ 1.14 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยฟื้นตัวขึ้นจาก ต.ค. ซึ่งถูกกระทบจากพายุแซนดี จึงมีความต้องการเปลี่ยนรถใหม่

• ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือน พ.ย.ของจีนลดลงมาอยู่ที่ 52.1 ชะลอตัวติดต่อกัน 2 เดือน แต่ยังคงเคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนยังขยายตัว มีการเพิ่มการจ้างงาน และผู้ประกอบการมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มธุรกิจในอนาคต

• ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเตรียมขยายกำลังการผลิตในไทยต่อเนื่องหลังจากปีนี้น้ำไม่ท่วม รวมทั้งมั่นใจมากขึ้นต่อระบบการป้องกันน้ำท่วมของรัฐ โดยนิสสันมอเตอร์จะลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาทเพื่อก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ในไทย ขณะที่โตโยต้าจะลงทุนขยายกำลังการผลิตในไทยตามแผนเดิม

• ญี่ปุ่นเตรียมใช้ระบบสกัดขีปนาวุธในโอกินาว่าและโตเกียว เพื่อรับมือการปล่อยจรวดของเกาหลีเหนือในเดือนนี้ เนื่องจากวิถีจรวดเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของญี่ปุ่น

• มูดี้ส์ เผยแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือภาคธนาคารของอินเดียช่วง 12-18 เดือนข้างหน้าว่ายังคงเป็นเชิงลบ เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยสูง และเงินรูปีอ่อนค่าลง จึงกดดันผลกำไรของภาคธนาคาร ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวต่ำสุดใน 1 ทศวรรษในปีงบประมาณสิ้นสุด มี.ค.2013

• สภาหอการค้าไทยคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัว 4%-5% โดยมีปัจจัยผลัก ดันจากการขยายตัวในประเทศ ทั้งจากการบริโภค การก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์ รวมไปถึงธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต

อย่างไรก็ตาม ค่าแรงที่ปรับเพิ่มเป็น 300 บาทต่อวัน อาจกระทบต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการให้สูงขึ้น

• ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยเดือน พ.ย. ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน ซึ่งแม้ยังไม่กลับสู่ระดับปกติก่อนเกิดอุทกภัยเมื่อปลายปีก่อน แต่ก็มีสัญญาณขาขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าดัชนีจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปลายไตรมาส 1 ปีหน้า

• ธปท.ยังไม่เห็นสัญญาณการเร่งตัวใน NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนไม่ถึง 2% ของ NPL ทั้งระบบ ขณะที่ ยอดคงค้างตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไปก็ยังไม่เห็นการเร่งตัวขึ้นเช่นกัน

• ธปท.คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตได้มากกว่า 5.7% เนื่องจากปัจจัยพื้นฐาน ของเศรษฐกิจไทยในช่วง 10 เดือนแรกมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน จากการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ รายได้จากการท่องเที่ยว การฟื้นฟูจากปัญหาอุทกภัย และมาตรการภาครัฐ ที่ช่วยให้เศรษฐกิจยังดีต่อเนื่อง และหนุนให้ GDP ในปีหน้าจะขยายตัวได้ถึง 4.6% ตามเป้าหมาย

Equity Market
------------------

• SET Index ปิดที่ 1,330.06 จุด ลดลง 2.86 จุด หรือ -0.21% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30,100 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 688 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนลบ เนื่องจากรับรู้ข่าวดีทั้งเรื่อง 3G และเศรษฐกิจจีนที่ปรับตัวดีขึ้นไปหมดแล้ว จึงเกิดการขายทำกำไร

• ฟิลิปปินส์ ให้เวลาธนาคารต่างชาติที่ประกอบธุรกิจเป็นเวลา 3 ปีที่จะนำหุ้นขั้นต่ำ 10% เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ซึ่งถือเป็นแนวทางตัวอย่างที่ดีที่ฟิลิปปินส์ใช้ในการอนุญาติให้ ธ.ต่างชาติเข้ามาดำเนินกิจการในประเทศ

• HSBC เตรียมขายหุ้นทั้งหมด 15.57% ในบริษัท ผิงอัน อินชัวรันส์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันรายใหญ่อันดับ 2 ของจีนให้กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) มูลค่า 7.2736 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (9.385 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

Fixed Income Market
---------------------------

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง -0.03% ถึง 0.01% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 14 วัน วงเงิน 40,000 ล้านบาท

• จีนและเกาหลีใต้ ทำข้อตกลงให้มีการใช้เงินหยวนและเงินวอนในการชำระหนี้การค้าระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนบทบาทของสกุลเงินในประเทศและลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะการให้ภาคเอกชนกู้ยืมเงินหยวนและเงินวอนเพื่อชำระหนี้การค้า ซึ่งจะช่วยบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนในการทำธุรกรรม


กำลังโหลดความคิดเห็น