แอสเซทพลัสประเมิน กนง.ยังคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3% ถึงปลายปีนี้ พร้อมแนะจับตามาตรการ QE 3 ดันเงินทุนไหลเข้าตลาดเอเชียทั้งหุ้น ตราสารหนี้ และสินทรัพย์อื่นๆ ล่าสุดเตรียมเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ กองทุนแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 3 อายุประมาณ 4 เดือน ผลตอบแทนประมาณ 3.10% ต่อปี เปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ 26 กันยายน 2555 นี้
นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า จากการประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณครั้งที่ 3 (QE3) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งผลให้ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุของตราสารหนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลว่ากระแสเงินที่จะเพิ่มขึ้นจากมาตรการ QE3 จะทำให้เงินทุนไหลกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีกระแสเงินไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นในอนาคตและคาดว่าเงินทุนส่วนใหญ่จะไหลไปลงทุนในตลาดหุ้น แต่ทั้งนี้ต้องคอยติดตามดูการเคลื่อนย้ายเงินทุนอีกทีหนึ่งว่าจะมีการกระจายไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ อีกหรือไม่ โดยคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายในระดับ 3% ต่อไปจนถึงปลายปี เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อในอนาคตยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศยุโรป
ทางด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ช่วงนี้ควรเน้นลงทุนในตราสารระยะสั้น เนื่องจากตลาดตราสารหนี้ยังมีโอกาสเผชิญความผันผวนของอัตราผลตอบแทน โดยในวันที่ 26 กันยายนนี้บริษัทจะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 3 (ASP-TFIXED3) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้จะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และตั๋วแลกเงิน อายุประมาณ 4 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.10% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ 2 (ASP-STARS 2) มีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 10.6540 บาท และสามารถจ่ายคืนผลตอบแทนครั้งแรกให้ผู้ลงทุนด้วยวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ผู้ลงทุนครั้งแรกเป็นเงิน 0.55 บาทต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 5.50% ของเงินลงทุนเริ่มแรกภายในระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ทั้งนี้ กองทุน ASP-STARS 2 เป็นกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ และสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ 0-100% มีอายุโครงการ 18 เดือน และมีการทยอยทำกำไรด้วยวิธีรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ปรับขึ้นทุก ๆ 5% จากมูลค่าหน่วยลงทุนเริ่มต้น หรือทุก 0.50 บาทจากราคา 10 บาท
ในด้านการบริหารพอร์ตการลงทุนปัจจุบัน ผู้จัดการกองทุนได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่มีฐานเงินทุนแข็งแกร่ง และมีความสามารถที่จะรองรับความเสี่ยง โดยคาดว่าเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก QE3 นอกจากนี้ ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มภาคการบริโภคที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอนาคต ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าจากสภาวะเศรษฐกิจที่คลี่คลายในทิศทางที่ชัดเจน กองทุน ASP-STARS2 จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจในระยะเวลา 14 เดือนที่เหลือ
นางสาวฤดี ปติอารยกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า จากการประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณครั้งที่ 3 (QE3) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งผลให้ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุของตราสารหนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลว่ากระแสเงินที่จะเพิ่มขึ้นจากมาตรการ QE3 จะทำให้เงินทุนไหลกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีกระแสเงินไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นในอนาคตและคาดว่าเงินทุนส่วนใหญ่จะไหลไปลงทุนในตลาดหุ้น แต่ทั้งนี้ต้องคอยติดตามดูการเคลื่อนย้ายเงินทุนอีกทีหนึ่งว่าจะมีการกระจายไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ อีกหรือไม่ โดยคาดการณ์ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายในระดับ 3% ต่อไปจนถึงปลายปี เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อในอนาคตยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศยุโรป
ทางด้านนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการขายและการตลาด บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ช่วงนี้ควรเน้นลงทุนในตราสารระยะสั้น เนื่องจากตลาดตราสารหนี้ยังมีโอกาสเผชิญความผันผวนของอัตราผลตอบแทน โดยในวันที่ 26 กันยายนนี้บริษัทจะ Rollover กองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ทวีทรัพย์ 3 (ASP-TFIXED3) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่เสนอขายเป็นรอบระยะเวลา โดยรอบการลงทุนนี้จะพิจารณาลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และตั๋วแลกเงิน อายุประมาณ 4 เดือน โดยคาดว่าสามารถให้ผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายได้อยู่ที่ 3.10% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้กองทุนเปิดแอสเซทพลัสสตาร์ 2 (ASP-STARS 2) มีมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 10.6540 บาท และสามารถจ่ายคืนผลตอบแทนครั้งแรกให้ผู้ลงทุนด้วยวิธีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้ผู้ลงทุนครั้งแรกเป็นเงิน 0.55 บาทต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 5.50% ของเงินลงทุนเริ่มแรกภายในระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ทั้งนี้ กองทุน ASP-STARS 2 เป็นกองทุนผสมที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ และสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ 0-100% มีอายุโครงการ 18 เดือน และมีการทยอยทำกำไรด้วยวิธีรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ปรับขึ้นทุก ๆ 5% จากมูลค่าหน่วยลงทุนเริ่มต้น หรือทุก 0.50 บาทจากราคา 10 บาท
ในด้านการบริหารพอร์ตการลงทุนปัจจุบัน ผู้จัดการกองทุนได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่มีฐานเงินทุนแข็งแกร่ง และมีความสามารถที่จะรองรับความเสี่ยง โดยคาดว่าเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก QE3 นอกจากนี้ ได้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มภาคการบริโภคที่ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอนาคต ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าจากสภาวะเศรษฐกิจที่คลี่คลายในทิศทางที่ชัดเจน กองทุน ASP-STARS2 จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจในระยะเวลา 14 เดือนที่เหลือ