xs
xsm
sm
md
lg

ผันผวนแบบนี้...ลงทุนยังไงดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผมเชื่อว่าในภาวะการลงทุนที่ผันผวนในขณะนี้ จากวิกฤติปัญหาหนี้ในยุโรป และปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังอ่อนแอ ซึ่งส่งผลให้บรรยาการของการลงทุนในบรรดาสินทรัพย์เสี่ยงไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน หุ้น ทองคำ หรือน้ำมัน มีความผันผวนสูง และมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ต่อไปอย่างน้อยจนถึงช่วงสิ้นปีนี้ หลายท่านคงจะมีคำถามว่า “แล้วเราจะวางแผนการลงทุนอย่างไรในภาวะการลงทุนที่ผันผวนเช่นนี้” เพราะเราทุกคนก็ต่างล้วนแล้วแต่มีความต้องการผลตอบแทนในระดับที่สูง แต่หากเสี่ยงเกินไปก็จะคงไม่ดี คงมีบางท่านคิดว่าไหนๆรัฐบาลก็ยังคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 50 ล้านบาทไปจนถึง 11 สิงหาคม 2558 อาจจะตัดสินใจฝากเงินทั้งหมดไว้กับธนาคารซะเลย รอจนสถานการณ์คลี่คลายแล้วค่อยว่ากันใหม่

ผมต้องขอเรียว่าไม่น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากเงินฝากนั้นให้ผลตอบแทนที่ต่ำมากไป เงินฝากน่าจะเหมาะสำหรับทำหน้าที่ในการเสริมสภาพคล่องให้กับท่านเท่านั้น ดังนั้นท่านควรฝากเงินเท่าที่จำเป็นสำหรับสภาพคล่องที่ต้องการในแต่ละขณะ มิฉะนั้นท่านก็จะเสียโอกาสในการบริหารจัดการเงินเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สุงขึ้น ส่วนเงินที่จะสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มนั้นก็น่าจะมานำไปลงทุนในสินทรัพย์เพื่อการลงทุนในด้านอื่นๆ ผมจึงอยากเชิญชวนทุกท่านให้ย้ายเงินฝากในส่วนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มไปเป็นกองทุนรวมแทนซะ ดังนั้นผมจึงขอนำเสนอแนวทางในการบริหารเงินลงทุนเพื่อรับมือกับความผันผวนดังกล่าวใน 2 แนวทางดังนี้

แนวทางที่1 เหมาะสำหรับท่านที่รับความผันผวนได้ไม่มาก ผมขอแนะนำให้ลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและมีผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอและแน่นอน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการลงในคราวที่วิกฤติดังกล่าวเรื่มมีแววว่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทนในอนาคต เช่น กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น อายุไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนประมาณร้อบละ 3.0-3.3 ต่อปี ชึ่งให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากประจำ หรือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีรายได้จากการเช่า ค่อนข้างแน่นอนจากสัญญาการเช่า และมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ชัดเจน โดยให้พิจารณาเลือกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติดังกล่าว เช่น ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าส่งค้าปลีก(ตลาด) ธุรกิจไฮเปอร์มาร์ท ห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ ร้อยละ 5.5 - 9.0 โดยเลือกพิจารณาลงทุนเฉพาะกองทุนมี่มีสภาพคล่องที่ดีเท่านั้น

แนวทางที่2 เหมาะสำหรับท่านที่รับความผันผวนได้พอควร ผมขอแนะนำให้ท่านจัดพอร์ตการลงทุนโดยการแบ่งเงินเป็น 2 ส่วนใหญ่ โดยส่วนที่1 เป็นส่วนสภาพคล่อง โดยเน้นลงทุนในกองทุนตลาดเงิน ประมาณ ร้อยละ 35 เพื่อรอจังหวะการเข้าลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ยามเมื่อตลาดปรับตัวลงจากวิกฤติการณ์ดังกล่าว ส่วนที่2 กระจายการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ต่างๆ อีกร้อยละ 65 เนื่องจากสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้นทุน กองทุน Trigger Fund หรือกองทุน ETF ที่มีลงทุนในดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียเช่น CHAINA หรือ HK

กองทุนทองคำเนื่องจากระดับราคาได้ปรับลดลงมามากกว่าร้อยละ 15-20 และหากวิกฤติปัญหาหนี้ในยุโรป เริ่มคลี่คลายเงินลงทุนก็จะกลับเข้ามาลงทุนในทองคำอีกครั้ง ซึ่งทำให้ระดับราคาทองคำมีโอกาสที่จะกลับมายืนเหนือระดับ 1,700 เหรัยญต่อออนซ์อีกครั้งกองทุนน้ำมัน เนื่องจากระดับราคาน้ำมันมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น จากสภาวะอากาศ และพายุเฮอร์ริเคน ในช่วงปลายปี และหากวิกฤตการณ์เริ่มคลี่คลายระดับราคาน้ำมันก็มีโอกาศกลับมายืนเหนือระดับ 100 เหรียญต่อบาเรลได้อีกครั้ง

กองทุนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทน ของพอร์ตการลงทุนที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ ร้อยละ 5.5 - 9.0 และมีสภาพคล่องที่ดี เพื่อเป็นตัวที่สร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ นอกเหนือจาก กองทุนตลาดเงิน และจะเป็นตัวที่ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น