บลจ.กสิกรไทยคาดเศรษฐกิจ-หุ้นมะกันฝ่าวิกฤตได้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นทั้งการจ้างงานและอสังหาริมทรัพย์ แถมมีลุ้น QE3 ช่วยหนุนเพิ่ม ล่าสุดเตรียมขายกองทุนใหม่ 30 สิงหาคมนี้ ลุยหุ้นสหรัฐ เติมตัว มั่นใจเป็นทางเลือกนักลงทุนรับผลตอบแทนจากการฟื้นตัวของสหรัฐฯ
นายอำพล โพธิ์โลหะกุล ประธานกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจและหุ้นในสหรัฐฯ หลังจากนี้น่าจะยังเติบโตได้แม้จะมีการชะลอตัวไปบ้างในช่วงต้นปี แต่ยังคงต้องติดตามการดำเนินนโยบาย และความเห็นของนายเบน เบอร์นันเก้ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปลายสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะประกาศออกมาในเดือนกันยายน
ขณะที่ความกังวลในแง่ภาวะหดตัวทางการคลังจากการหมดอายุของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นเริ่มคลี่คลายลงพอสมควร เนื่องจากเป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะมีการต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีออกไปอีกอย่างน้อย 1 ปี
ทั้งนี้ หากมีการดำเนินมาตรการ QE3 เชื่อว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ
นายอำพล กล่าวอีกว่า จากแนวโน้มดังกล่าวข้างต้น ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนใหม่ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ เพื่อเป็นทางเลือกแก่นักลงทุนในการลงทุนและรับผลตอบแทนในระยะยาวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและหุ้นในสหรัฐฯ
สำหรับกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในกองทุนหลัก คือ Morgan Stanley US Advantage Fund ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นจดทะเบียนของสหรัฐฯ ที่มีพื้นฐานดีและมีโอกาสเติบโตสูง ภายใต้การบริหารจัดการของ Morgan Stanley Asset Management ซึ่งเป็นบริษัทจัดการลงทุนชั้นนำระดับโลก มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสูงสุดไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ
นอกจากนี้ กองทุนยังมีจุดเด่นอยู่ที่กองทุนหลักที่มีนโยบายและกลยุทธ์การบริหารที่น่าสนใจ โดยกองทุนนี้ใช้กลยุทธ์การบริหารแบบ Active Approach มุ่งลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่มีโอกาสเติบโตสูงและมีผลประกอบการโดดเด่นทั่วโลก เช่น Apple, Motorola, Google, Amazon dot Com, EBay, Starbucks ซึ่งล้วนเป็นบริษัทที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว ทำรายได้ทั้งในสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ทั้งยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
นายอำพลกล่าวอีกว่า นอกจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว การลงทุนในกองทุนนี้น่าจะได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ล่าสุด ที่การจ้างงานปรับตัวดีขึ้นและภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในขณะเดียวกัน ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และคาดว่าอัตรากำไรต่อหุ้นจะสามารถเติบโตได้กว่า 7% ในปีนี้ และอาจปรับตัวขึ้นไปอีกที่ระดับ 11% ในปีหน้า ซึ่งจะยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในระยะยาว
โดยกองทุนนี้เน้นการลงทุนในระยะยาวมากกว่าการกังวลกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ทำให้ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนหลักในเดือนธันวาคม 2548 กองทุนให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6.06% ต่อปี ชนะดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานของกองทุนปรับตัวขึ้นเพียงแค่ 3.66% เท่านั้น
ส่วนผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปี 2555 กองทุนหลักให้ผลตอบแทนที่ 9.60% ขณะที่ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ อยู่ที่ 9.49% นอกจากนี้ ผู้บริหารจัดการกองทุนหลักอย่าง Morgan Stanley Investment Management ยังถือเป็นบริษัทจัดการลงทุนชั้นนำที่สร้างผลงานบริหารการบริหารกองทุนให้เป็นที่ยอมรับมาแล้วอย่างกว้างขวางอีกด้วย นายอำพลกล่าว
สำหรับมุมมองของ บลจ.กสิกรไทยต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและหุ้นในสหรัฐฯ มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้จะชะลอตัวลงเล็กน้อยจากต้นปี โดยยังมีความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ (QE3) ภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม หากมีการดำเนินมาตรการ QE3 เชื่อว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ