โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
• ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนประจำเดือน ก.ค. ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 87.9 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 88.9 และนับเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะยังคงอยู่ในภาวะถดถอยอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 ถึงแม้ว่ารัฐบาลของหลายประเทศพยายามที่จะควบคุมวิกฤตหนี้ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำลายความเชื่อมั่นของยูโรโซนแล้วก็ตาม
• สเปนประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงขึ้น โดยตัวเลข GDP ในไตรมาส 2 ลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก และลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2554 เนื่องจากมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ ประกอบกับระดับราคาสินค้าที่สูงขึ้นทำให้อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอลง นอกจากนั้น การเกิดวิกฤตเศรษฐกิจยังได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนอีกด้วย ทำให้เป็นที่คาดการณ์ว่าสเปนไม่อาจหลีกเลี่ยงการขอความช่วยเหลือทางด้านการเงินอย่างเต็มรูปแบบได้
• อิตาลีสามารถขายพันธบัตรได้เป็นจำนวนเงินรวม 5.5 พันล้านยูโร โดยมีอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 3 ปีอยู่ที่ 4.49% 5 ปีอยู่ที่ 5.29% และ 10 ปีอยู่ที่ 5.96% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของอิตาลีลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 6% ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า ECB จะประกาศมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 2 ส.ค.นี้ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี ได้ประกาศว่าอีซีบีจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องสกุลเงินยูโร ตามมาด้วยนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี และ ปธน.ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส ที่ออกมากล่าวว่าจะปกป้องยูโรโซนไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
• สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานผลสำรวจ พบว่า 51% ของชาวเยอรมันมีความเห็นว่าเยอรมนีจะดีขึ้นหากออกจากยูโรโซน ในขณะที่มีเพียง 29% เท่านั้นที่เห็นด้วยกับการที่เยอรมนีจะอยู่ในยูโรโซนต่อไป และการออกจากยูโรโซนจะทำให้ประเทศมีสถานะแย่ลง
• มอร์แกน สแตนเลย์รายงานว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2555 ธ.พาณิชย์ของเยอรมนีและฝรั่งเศสได้ลดการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มประเทศ PIIGS เป็นจำนวนถึง 55 พันล้านยูโร โดยนับตั้งแต่ปี 2553 ยอดการปล่อยสินเชื่อของ ธ.พาณิชย์เยอรมนีและฝรั่งเศสให้กลุ่มประเทศ PIIGS ลดลงกว่า 50% และหันมาปล่อยกู้ในประเทศของตนเองแทน อันเป็นผลมาจากความกังวลว่าอาจมีการบังคับใช้มาตรการควบคุมเงินทุนไหลออก (Capital Control) ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์กลุ่มยูโรโซนล่มสลายขึ้น ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนเลย์มีมุมมองว่า การที่สถาบันการเงินหรือ ธ.พาณิชย์มุ่งเน้นในการดำเนินธุรกิจแต่ในประเทศของตนเองนอกจากจะเป็นการผิดจากวัตถุประสงค์หลักของการรวมตัวกันเพื่อใช้เงินสกุลเดียวกันแล้ว ยังอาจทำให้เกิดภาวะการตึงตัวของตลาดสินเชื่อซึ่งกระทบเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจได้
• บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ John D Wood รายงานว่า สาเหตุที่ราคาบ้านในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการเข้าไปเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ของนักลงทุนชาวจีน โดยเฉพาะในช่วงที่ใกล้จะมีการแข่งกีฬาโอลิมปิก นักลงทุนเหล่านี้จะซื้อบ้านเพื่อที่จะปล่อยเช่าต่อ ทั้งนี้ จากข้อมูล ณ สิ้นเดือน มี.ค. พบว่าร้อยละ 20 ของจำนวนบ้านใหม่ที่ขายได้ในลอนดอนมีเจ้าของเป็นชาวจีน โดยที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ชาวจีนจะซื้อบ้านด้วยเงินสดและไม่ต่อรองราคามากจนเกินไป
• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในเดือน มิ.ย. ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค. โดยได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า BOJ อาจพิจารณาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และรัฐบาลอาจใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ
• สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์ รถบรรทุก และรถประจำทางในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 เพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน หลังจากที่ต้องลดลงจากการเกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของยอดผลิตรถยนต์นี้สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตทางเศรษฐกิจแผนใหม่ของรัฐบาลญี่ปุ่นที่เน้นเพิ่มยอดขายรถยนต์ใหม่โดยเฉพาะในส่วนของรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
• ธ.กลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจซึ่งเป็นมาตรวัดมุมมองของผู้ผลิตในการประเมินสภาวะธุรกิจในปัจจุบันประจำเดือน ก.ค. ลดลงจากเดือน เม.ย. 11 จุด มาอยู่ที่ระดับ 71 จุด ซึ่งเป็นการลดลงเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากความผันผวนทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป รวมไปถึงภาวะอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอและการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งทำให้มีความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ
• สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มูลค่าการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างของกัมพูชาในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมาอยู่ที่ 1.18 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ โรงแรม โรงงานแปรรูปสินค้าเกษตร และโรงงานสิ่งทอ
• สนง.เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า อัตราการขยายตัวของ GDP ไทยในไตรมาส 2 อยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3% เนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปเริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการส่งออก ซึ่งส่งผลกระทบต่อไปถึงภาคการผลิตของไทย สะท้อนได้จากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือน มิ.ย. 55 ที่ขยายตัวติดลบ 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องจับตาในช่วงครึ่งปีหลัง ได้แก่ ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจยุโรป และทิศทางการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอินเดีย อย่างไรก็ตาม ยังคงมั่นใจว่าทั้งปี GDP จะขยายตัวได้ 5.7% ตามเป้าหมาย เนื่องจากยังมีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากในประเทศ โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายการคลัง ซึ่งการเบิกจ่ายเงินงบประมาณภาครัฐยังเป็นไปตามเป้าหมาย การบริโภค การลงทุนภาคเอกชนยังขยายตัวได้ดี และเสถียรภาพเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง
• ครม.เห็นชอบให้ขยายเวลาส่งมอบรถยนต์ตามโครงการรถคันแรกออกไปไม่มีกำหนดแต่จะต้องมีใบจองภายในสิ้นปี 2555 และให้ยื่นขอคืนเงินภาษีรถยนต์คันแรกไม่เกิน 1 แสนบาท ต่อกรมสรรพสามิต ภายใน 90 วันนับจากวันรับมอบรถยนต์
Equity Market
• SET Index ปิดที่ระดับ 1,193.32 จุด เพิ่มขึ้น 15.31 จุด หรือ 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 18,820.20 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,259.14 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวในแดนบวกตามตลาดต่างประเทศ ท่ามกลางความคาดหวังผลการประชุม FOMC และ ECB ในช่วงกลางสัปดาห์นี้
• คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์จีน (CSRC) ได้ผ่อนคลายกฎระเบียบสำหรับโครงการ นักลงทุนสถาบันต่างชาติที่มีคุณสมบัติเหมาะสม (QFII) โดยอนุญาตให้นักลงทุนสถาบันต่างชาติที่ผ่านคุณสมบัติตามโครงการ 1) สามารถลงทุนในตลาดทุนของประเทศผ่านผู้ค้าหลักทรัพย์มากกว่า 1 ราย 2) สามารถถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนได้สูงสุด 30% จากข้อกำหนดเดิมที่ 20% 3) สามารถลงทุนในตลาดพันธบัตร Interbank และหุ้นกู้เอกชนที่ออกโดยบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กได้ ทั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อทำให้นักลงทุนสถาบันต่างชาติที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสามารถเข้ามาลงทุนในตลาดทุนจีนได้ง่ายขึ้น และนับเป็นความพยายามหนึ่งของจีนในการเปิดเสรีตลาดทุน รวมถึงเปิดให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนได้อย่างเสรีมากขึ้น
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง +0.02% นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 701 ล้านบาท สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 1/3/6/12 เดือน วงเงินรวม 105,000 ล้านบาท