xs
xsm
sm
md
lg

ครึ่งปีแรกอุตสาหกรรมกองทุนโต 12% น้ำมัน-ทองยิลด์ฝืด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สมาคม บลจ.เผย กองทุนตราสารหนี้ยังเป็นพระเอกใหญ่ดันอุตสาหกรรมกองทุนรวมเติบโตกว่า 6.78 แสนล้านบาท โดยครึ่งปีแรกอุตสาหกรรมฯ มีมูลค่า AUM รวมอยู่ที่ 2.34 ล้านล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่เเล้ว 12.30% ทางด้านมอร์นิ่งสตาร์ประเมินครึ่งปีแรกผลตอบแทนเฉลี่ยกองทุนทุกประเภทให้ผลตอบแทนดี ยกเว้นกลุ่มทองคำและน้ำมัน


นายสถาปนะ เลี้ยวประไพ เลขาธิการสมาคมและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน หรือสมาคม บลจ. กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมในช่วงครึ่งปี 2555 นั้นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการบริหาร (AUM) มีมูลค่ารวมกว่า 2.34 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 2.08 ล้านล้านบาท คิดเป็น 12.30% โดยมีกองทุนรวมที่ออกใหม่ 413 กองทุน มูลค่า 7.43 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ 340 กองทุน คิดเป็น 6.78 แสนล้านบาท หรือ 92.4% แบ่งเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ในประเทศ 194 กองทุน มูลค่า 4.32 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุลงทุนอยู่ที่ 6 เดือน ส่วนที่เหลืออีก 146 กองทุนนั้นเป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ต่างประเทศประมาณ 2.46 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่กำหนดอายุลงทุนอยู่ที่ 1 ปี

ขณะที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายไอพีโอในช่วงที่ผ่านมาประมาณ 3 กองทุนนั้นมีมูลค่าประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทล โกรท นั้นมีมูลค่าสูงที่สุดประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ถือเป็นกองทุนรวมอสังหาฯ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและมีนักลงทุนจองซื้อมากกว่า 10,000 ราย

ในส่วนของกองทุนหุ้นนั้นมีกองทุนเปิดใหม่ประมาณ 30 กองทุน มูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท โดยกองทุนที่เสนอขายและได้รับความนิยมส่วนใหญ่จากนักลงทุนคือกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ และทาร์เกตฟันด์ ที่มีเป้าหมายผลตอบแทนของกองทุนที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม จากจำนวนกองทุนทาร์เกตฟันด์ หรือทริกเกอร์ฟันด์ที่ปิดกองกันไปประมาณ 21 กองทุนนั้นมีจำนวน 10 กองทุนที่ผลตอบแทนถึงระดับที่กำหนดและมีผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 11% และอีก 16 กองทุนให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 8.5% และอีก 5 กองทุนมีผลตอบแทนเฉลี่ย -9% อีกด้วย

สำหรับกองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะกองทุนทองคำ และกองทุนน้ำมัน ในช่วงต้นปีราคาซื้อขายทองคำและน้ำมันในตลาดโลกจะผันผวนแต่ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนไม่น้อย โดยครึ่งปีแรกมีกองทุนทองคำใหม่เสนอขายรวม 6 กองทุน มูลค่า 2.24 พันล้านบาท และกองทุนน้ำมัน 1 กองทุน มูลค่า 31 ล้านบาท

นายสถาปนะกล่าวต่อว่า ในส่วนภาพรวมของเศรษฐกิจโลกนั้นเรายังมองว่าวิกฤตหนี้ยุโรปยังเป็นปัจจัยใหญ่ที่ต้องติดตามหลังจากนี้ โดยเฉพาะสเปน อิตาลี และกรีซ ว่าจะมีมาตรการใดบ้างออกมาช่วยเหลือประเทศเหล่านี้ ขณะที่สหรัฐฯ เองหลายฝ่ายก็มองว่าน่าจะมีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีกว่านี้ โดยในเดือนพฤศจิกายนจะมีการเลือกประธานาธิบดีใหม่ก็ต้องจับตาดูว่านโยบายเกี่ยวกับเศรษฐกิจะเป็นอย่างไร กลับมาที่ฝั่งเอชีย หลายฝ่ายให้ความคาดหวังที่ดีกับประเทศจีน แต่จีนก็ปรับลด GDP ในปีนี้ลงเหลือ 7% เนื่องจากสภาพภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ในส่วนของประเทศไทยนั้นยังถือว่าดีอยู่แม้ว่าปลายปีที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องน้ำท่วม อุตสาหกรรมหลายเเห่งต้องหยุดผลิตสินค้าลง เเต่เมื่อทุกอย่างกลับมาการบริโภคภายในประเทศก็กลับมาเช่นกัน ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้แม้สภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง

ทางด้านนายพีร์ ยงวณิชย์ CFA กรรมการผู้จัดการ บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลตอบแทนเฉลี่ยกองทุนในแต่ละประเภทที่เป็นบวกกันทุกกลุ่ม ยกเว้นแต่กลุ่มทองคำและน้ำมันที่ติดลบ ซึ่งกองทุนที่โดดเด่นคือ กองทุนหุ้นในประเทศทั้งกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่และกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 16.15% และ 18.17% ตามลำดับ โดยกองทุนที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุดทำได้กว่า 27%

ทางด้านกองทุนหุ้นที่ลงทุนในต่างประเทศผลตอบแทนไม่ค่อยดีเท่าที่ควร โดย กลุ่ม Asia Pacific ex-Japan Equity เฉลี่ยบวก 4.32% กลุ่ม Global Equity เฉลี่ยบวก 3.19% ตามด้วยกลุ่ม Emerging Market Equity ที่เฉลี่ยบวกเล็กน้อยที่ 1.02% ส่วนของกลุ่มตราสารหนี้ก็สอดคล้องกับดัชนี โดยที่กลุ่มตราสารหนี้ต่างประเทศทั้ง Global Bond และ Emerging Market Bond สามารถเอาชนะกลุ่มตราสารหนี้ในประเทศไปได้ ส่วนกลุ่มที่น่าผิดหวังเห็นจะเป็นกลุ่มกองทุนที่ลงทุนในทองคำและน้ำมัน โดยกองทุนทองคำติดลบเฉลี่ย -3.8% ส่วนน้ำมันติดลบเฉลี่ยสูงถึง -14.26% ทั้งนี้ กองทุนทั้ง 2 ประเภทนอกจากจะเจอความเสี่ยงจากสินทรัพย์ที่สูงอยู่แล้ว ยังมีเรื่องของความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนมาเป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น